ประชาสัมพันธ์

10 อันดับประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก ปี 2015-2016


ขอนำทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวของ "การศึกษา" โดยวันนี้ขอเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ "ที่สุด" ในหัวข้อ 10 อันดับประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก ปี 2015-2016


10.สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)





ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ค่อนข้างสูง เด็กสวิตจะต้องจบการศึกษาระดับมัธยมตอนต้น จึงจะถือว่าจบการศึกษาภาคบังคับ ส่วนระดับอนุบาลนั้นไม่ถือว่าเป็นการศึกษาภาคบังคับ จะเข้าเรียนอนุบาลก่อนหรือไม่ก็ได้ กล่าวกันว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของวิชาการโรงแรม จึงทำให้สาขานี้มีนักเรียนไทยให้ความสนใจไปเรียนต่อมากที่สุดนั่นเอง

9.สาธารณรัฐเช็ก (czech republic) 


แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางยุโรป แต่สาธารณรัฐเช็กก็เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เรียนฟรีสำหรับการศึกษาภาคบังคับไปจนถึงอายุ 15 ปี หลักการเรียนรู้เน้นความเข้าใจของผู้เรียนเป็นหลักซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวเช็ก ระบบการศึกษาของประเทศมีทั้งสิ้น 5 หน่วยงาน คือ โรงเรียนอนุบาล, ประถมศึกษา, มัธยมศึกษา, วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย

8.เบลเยี่ยม (Belgium) 


เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก เน้นในเรื่องของมาตรฐานการศึกษา และพยายามเปิดโอกาสให้ประชาชนในประเทศทุกคนมีสิทธิทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่มีการสอบเข้า และไม่เก็บค่าเล่าเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงความหลากหลายของทุนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย ระบบการเรียนการสอนจึงมีความแตกต่างตามภูมิภาคทั้งภาษาดัตช์ เยอรมัน และฝรั่งเศส

7.อิสราเอล (Israel)


อิสราเอลถือว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะในด้านของการศึกษา ในทัศนะคติของคนอิสราเอลจะถือว่าการศึกษาถือเป็น “มรดกที่ล้ำค่า” การศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 12 ปี (ตั้งแต่อายุ 5-16 ปี) และรัฐได้จัดการศึกษาฟรีจนถึงอายุ 18 ปี โดยการศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศจะใช้เป็นภาษาฮินดีและภาษาอาหรับเป็นหลัก
6.นิวซีแลนด์ (New Zealand)


ในปี 2014-15 รัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์ได้ทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาในด้านการศึกษากว่า 13,183 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศนิวซีแลนด์ถึงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีระบบการศึกษาที่ดีและมีมาตรฐาน ผลการสอบ PISA ในด้านการอ่านและวิทยาศาสตร์ อยู่ในอันดับ 7 ในขณะที่คณิตศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 13 จากประเทศสมาชิกทั้งหมด 34 ประเทศ
5.ออสเตรเลีย (Australia)


ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ในระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย และยังมีสถิติด้านการศึกษาที่น่าสนใจอีกคือ ประชากรชาวออสเตรเลียมีอัตราการรู้หนังสือเบื้องต้นในระดับประถมเกือบ 2 ล้านคน รวมแล้วมีอัตราการรู้หนังสือถึง 99% และการประเมินการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย PISA ในส่วนของวิชาการอ่าน, วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อยู่ในอันดับที่ 6, 7 และ 9 ตามลำดับ ประเทศออสเตรเลียยังเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับนักศึกษาไทยที่นิยมไปเรียนต่อมากที่สุดอีกด้วย
4.สหรัฐอเมริกา (USA)


การศึกษาภาคบังคับนักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บรรยากาศการศึกษาในห้องเรียนของชาวอเมริกันนั้น นักศึกษาจะต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โต้เถียงเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง มีส่วนร่วมในการสนทนา และนำเสนองานของตน ซึ่งนักศึกษาชาวต่างชาติส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าตื่นใจที่สุดของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา
3.รัสเซีย (Russia)


รัสเซียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ชาวรัสเซียส่วนมากจะสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคน และยังเป็นนักอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีการศึกษาหาความรู้กันอย่างจริงจัง ทำให้อัตราการรู้หนังสือของประชากรประเทศรัสเซียคิดเป็น 100% เต็ม อีกทั้งมีวิชาการ ความรู้และเทคโนโลยีเป็นของตนเองมาเป็นเวลานาน รวมถึงค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาก็นับว่าไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย
2.เยอรมนี (Germany)


เยอรมันเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่ม OECD ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็ก ๆ อยู่ในระดับสูงทั้งในระดับมัธยมศึกษา และในระดับอุดมศึกษา โดยการศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 6-18 ปี โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนรัฐบาล เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมัน หันมาพัฒนาการศึกษา และการวิจัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรวมประเทศ มีมหาวิทยาลัยเกือบ 120 แห่ง
1.เดนมาร์ก (Denmark)


ประเทศเดนมาร์ก กฎหมายบังคับการศึกษาแต่ไม่บังคับการไปโรงเรียน เด็กทุกคนจะต้องไปเรียนเมื่อมีอายุครบ 7 ปี การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ไม่รวมชั้นเด็กเล็ก ระบบการศึกษาของเดนมาร์กจะให้ความสำคัญกับการแนะแนวมาก เพื่อให้เด็กทุกคนพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะกับศักยภาพของตนเอง และเด็ก ๆ ยังสามารถเลือกการศึกษาและโรงเรียนของตนได้อีกด้วย

ที่มา : manager.co.th ข้อมูลจาก : mbctimes.com, toptenthailand.com/

Blogger Comment
Facebook Comment

:ambivalent:
:angry:
:confused:
:content:
:cool:
:crazy:
:cry:
:embarrassed:
:footinmouth:
:frown:
:gasp:
:grin:
:heart:
:hearteyes:
:innocent:
:kiss:
:laughing:
:minifrown:
:minismile:
:moneymouth:
:naughty:
:nerd:
:notamused:
:sarcastic:
:sealed:
:sick:
:slant:
:smile:
:thumbsdown:
:thumbsup:
:wink:
:yuck:
:yum:

loading...

Facebook

นิยม

บทความ

loading...