นักโบราณคดีนานาชาชาติค้นพบหลักฐานใหม่ของอาณาจักรเขมรโบราณ ที่บ่งชี้ว่าเป็นจักรวรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกช่วงศตวรรษที่ 12
นับเป็นข่าวที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการโบราณคดีไปทั่วโลก เมื่อนักโบราณคดีค้นพบว่านครหลวงโบราณของอาณาจักรเขมรที่ซ่อนตัวกลางป่าทึบ มีขนาดใหญ่มโหฬารกว่าที่คาดไว้ โดยมีพื้นที่เท่ากับกรุงพนมเปญในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังค้นพบเมืองโบราณที่ซ่อนตัวในพื้นที่ใกล้เคียงกันเป็นจำนวนมาก และแต่ละแห่งมีขนาดใหญ่กว่าเมืองในทุกวันนี้อีกด้วย นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะช่วยให้นักโบราณคดีสามารถไขปริศนาการถือกำเนิดและการล่มสลายของอาณาจักรเขมรโบราณได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทฤษฎีที่ระบุว่าไทยรุกรานจนอาณาจักรแห่งนี้ต้องล่มสลายลง
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน รายงานว่า นักโบราณคดีนานาชาติซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในแถบเมืองเสียมเรียบของกัมพูชา นำทีมโดย เดเมียน อีแวนส์ นักโบราณคดีชาวออสเตรเลีย จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้ค้นพบความลับที่ถูกซ่อนมานานนับพันปีของเมืองมเหนทรบรรพต เมืองหลวงเดิมของอาณาจักรเขมรโบราณ ซึ่งนักโบราณคดีทราบแต่เพียงว่าสถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 กษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรเขมรโบราณ เมื่อ ค.ศ. 802 ในบริเวณภูเขาพนมกุเลน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการสำรวจด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยโดยทีมงานจากออสเตรเลีย ไม่มีใครทราบว่าเมืองดังกล่าวมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ เนื่องจากหลักฐานเดียวที่ปรากฏคือจารึกที่ปราสาทนครวัดและปราสาทออกยมในเมืองเสียมเรียบ รวมถึงแหล่งโบราณคดีบนภูเขาพนมกุเลนเท่านั้น
ในปี 2014 นักโบราณคดีชุดดังกล่าวได้ใช้เทคโนโลยีสแกนพื้นที่ด้วยระบบบเลเซอร์ LIDAR จึงได้พบร่องรอยของเมืองมเหนทรบรรพตในที่สุด จนกลายเป็นข่าวใหญ่ของปีเลยทีเดียว แต่การค้นพบครั้งนั้นพบเพียงร่องรอยของระบบชลประทานดึกดำบรรพ์ ยังไม่พบซากเมืองแต่อย่างใด
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ระบุว่า ทีมสำรวจของอีแวนส์สามารถกำหนดพื้นที่ของเมืองมเหนทรบรรพตได้อย่างแน่ชัดแล้ว และพบว่าเมืองนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารถึง 1,901 ตร.กม. จากขนาดของเมืองรวมถึงระบบชลประทานที่ซับซ้อน แสดงให้เห็นว่าเมืองมเหนทรบรรพตเป็นเมืองขนาดมหึมา มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และน่าจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 12 และแสดงให้เห็นว่าการค้นพบร่องรอยของเมืองมเหนทรบรรพตในแถบภูเขาพนมกุเลนเมื่อปี 2012 เป็นแค่การพบเพียงส่วนเสี้ยวของเมืองเท่านั้น เพราะขนาดเมืองที่แท้จริงใหญ่เท่ากับกรุงพนมเปญ เมืองหลวงในปัจจุบันด้วยซ้ำ
ที่น่าตื่นตะลึงคือระบบชลประทานของเมืองที่ซับซ้อนและสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และไม่น่าจะพบในเมืองมเหนทรบรรพต เพราะต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีกว่าที่เทคโนโลยีเช่นนี้จะแพร่หลาย
ปีเตอร์ ชาร์ร็อก แห่งสถาบันเอเชียและแอฟริกันศึกษา (SOAS) แห่งมหาวิทยาลัยบอนดอน กล่าวว่า จากหลักฐานใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า อาณาจักรเขมรโบราณคือจักรวรรดิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงศตวรรษที่ 12
ทีมงานไม่เพียงศึกษาเมืองในยุคก่อนปราสาทนครวัดเท่านั้น แต่ยังสำรวจครอบคลุมไปถึงยุคหลังนครวัดด้วย ซึ่ง อีแวนส์เปิดเผยว่า หลักฐานใหม่ทำให้ต้องพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะทฤษฎีที่เคยเชื่อกันว่า อาณาจักรเขมรโบราณล่มสลายลงเพราะการรุกรานโดยคนไทยในสมัยอยุธยาและทำให้ชาวเมืองต้องพากันอพยพหนีลงใต้ แต่จากการสำรวจไม่พบเมืองใหญ่ในภาคใต้ของกัมพูชาเลย ทำให้ทฤษฎีดังกล่าวเป็นที่น่าสงสัย และต้องตั้งทฤษฎีการล่มสลายของเขมรโบราณกันใหม่
ที่มา www.m2fnews.com, http://www.posttoday.com/world/news/437228