ขนมดอกไม้สีรุ้ง
การ รับประทานดอกไม้ มักจะนำมารับประทานสด ๆ หรือชุบแป้งทอด ดอกไม้ที่สามารถนำมารับประทานได้สังเกตง่าย ๆ ถ้าสัตว์กินได้ คนก็สามารถกินได้ ในดอกไม้ยังมีสรรพคุณทางยามากมาย บวกกับคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องในการบริโภค “เจี๊ยบ” น.ส.จริสรา ทองทัพไทย “นิว” น.ส.คณาพร ฤกษ์เกษมสันต์ และ “ฟิวส์” น.ส.นุชนารถ แย้มสรวน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร). ธัญบุรี คิดค้น “ขนมดอกไม้สีรุ้ง” โดยมี ผศ.อุจิตชญา จิตรวิมล และ Professor Dr.Sue Mason จากประเทศนิวซีแลนด์ เป็นที่ปรึกษาร่วม โครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี และ Faculty of Agriculture and Sciences Lincoln University. New Zealand
ทั้งสามสาวบอกว่า วิธีการทำไม่ยุ่งยาก สามารถทำเองได้ที่บ้าน ใช้ต้นทุนไม่สูงนัก อร่อยโดยใช้ส่วนผสมของแป้ง และน้ำตาล เพิ่มคุณค่าด้วยคุณค่าของดอกไม้ที่สามารถรับประทานได้ ช่วยทางด้านสีสัน กลิ่น และมีเส้นใยอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดอกไม้สีรุ้ง หรือ Rainbow Flower 1 ชิ้น ประกอบด้วยดอกไม้ทั้งหมด 7 ชนิด 7 กลีบ คือ ดอกคำฝอย เตยหอม ดอกเฟื่องฟ้า ดอกกระเจี๊ยบ ดอกอัญชัน ดอกดาวเรือง และดอกเข็ม สรรพคุณทางสมุนไพรที่แตกต่างกัน
ดอกคำฝอย มีสารแซฟฟลาวเวอร์เยลโลว์ (safflower yellow) เป็นสารสีเหลือง ส่วนสารสีแดง คือ คาร์ทามิน (carthamin) ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ขับเหงื่อ ลดไขมันในเส้นเลือด
เตยหอม มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นหัวใจ ขับปัสสาวะ
ดอกเฟื่องฟ้า เป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต และระบบขับถ่าย
ดอกกระเจี๊ยบ มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ป้องกันมะเร็ง
ดอกอัญชัน มีสารแอนโทรไซยานิน สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตา
ดอกดาวเรือง บำรุงสายตา บรรเทาอาการไอ ดอกเข็ม แก้โรคตาแดง ตาแฉะ
สำหรับส่วนผสมของตัวดอกไม้แต่ละกลีบ ประกอบด้วย แป้งสาลีร่อนแล้ว 1 ½ ถ้วยตวง น้ำตาลทรายป่นร่อนแล้ว ½ ถ้วยตวง น้ำมันถั่วเหลือง ¼ ถ้วยตวง เกลือป่น ¼ ช้อนชา งาขาว (สำหรับใช้ติดบนเกสร) ดอกอัญชันสด (สับละเอียด) 3 ช้อนโต๊ะ ใบเตยสด (สับละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดาวเรืองสด (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ กระเจี๊ยบแห้ง (บดละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดอกเข็มสีแดง (สับละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดอกเฟื่องฟ้าสีชมพู (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ ดอกคำฝอย (บดละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ 1.ผสมแป้งสาลี น้ำตาลทรายป่น เกลือ และดอกไม้ที่เตรียมไว้หนึ่งชนิด เคล้าให้เข้ากัน 2.ใส่น้ำมันถั่วเหลืองทีละน้อย เคล้าให้เข้ากัน 3.ปั้นส่วนผสมให้เป็นกลีบดอกไม้ หรือรูปหยดน้ำ 4.ทำตามขั้นตอนที่ 1-3 ให้ครบทั้ง 7 ชนิด 5.ทำส่วนผสมเพิ่มอีกครึ่งส่วน โดยไม่ต้องใส่ดอกไม้ (ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ เพื่อติดทำเป็นเกสรดอกไม้) 6.ประกอบกลีบดอกเข้าด้วยกันทั้ง 7 กลีบ ทาน้ำมันถั่วเหลืองระหว่างกลีบดอกเล็กน้อย เพื่อให้กลีบติดกัน 7.นำส่วนผสมสีขาวที่ปั้นเตรียมไว้มาติดตรงกลางดอก เพื่อทำเป็นเกสร ทาไข่แดง โรยงาขาว 8.นำมาเรียงบนถาดที่ปูด้วยกระดาษไข อบขนมที่อุณหภูมิ 280 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที จนขนมสุก หอม แซะออกจากกระดาษไข พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท เพื่อรักษาความกรอบ
ผู้สนใจลองทำทานที่บ้าน หรือจะเอาสูตรไปทำขายได้ เพราะน้อง ๆ ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ไม่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาด.
ข่าว/ภาพ เดลินิวส์
การ รับประทานดอกไม้ มักจะนำมารับประทานสด ๆ หรือชุบแป้งทอด ดอกไม้ที่สามารถนำมารับประทานได้สังเกตง่าย ๆ ถ้าสัตว์กินได้ คนก็สามารถกินได้ ในดอกไม้ยังมีสรรพคุณทางยามากมาย บวกกับคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องในการบริโภค “เจี๊ยบ” น.ส.จริสรา ทองทัพไทย “นิว” น.ส.คณาพร ฤกษ์เกษมสันต์ และ “ฟิวส์” น.ส.นุชนารถ แย้มสรวน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร). ธัญบุรี คิดค้น “ขนมดอกไม้สีรุ้ง” โดยมี ผศ.อุจิตชญา จิตรวิมล และ Professor Dr.Sue Mason จากประเทศนิวซีแลนด์ เป็นที่ปรึกษาร่วม โครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี และ Faculty of Agriculture and Sciences Lincoln University. New Zealand
ทั้งสามสาวบอกว่า วิธีการทำไม่ยุ่งยาก สามารถทำเองได้ที่บ้าน ใช้ต้นทุนไม่สูงนัก อร่อยโดยใช้ส่วนผสมของแป้ง และน้ำตาล เพิ่มคุณค่าด้วยคุณค่าของดอกไม้ที่สามารถรับประทานได้ ช่วยทางด้านสีสัน กลิ่น และมีเส้นใยอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดอกไม้สีรุ้ง หรือ Rainbow Flower 1 ชิ้น ประกอบด้วยดอกไม้ทั้งหมด 7 ชนิด 7 กลีบ คือ ดอกคำฝอย เตยหอม ดอกเฟื่องฟ้า ดอกกระเจี๊ยบ ดอกอัญชัน ดอกดาวเรือง และดอกเข็ม สรรพคุณทางสมุนไพรที่แตกต่างกัน
ดอกคำฝอย มีสารแซฟฟลาวเวอร์เยลโลว์ (safflower yellow) เป็นสารสีเหลือง ส่วนสารสีแดง คือ คาร์ทามิน (carthamin) ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ขับเหงื่อ ลดไขมันในเส้นเลือด
เตยหอม มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดอัตราการเต้นหัวใจ ขับปัสสาวะ
ดอกเฟื่องฟ้า เป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต และระบบขับถ่าย
ดอกกระเจี๊ยบ มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ป้องกันมะเร็ง
ดอกอัญชัน มีสารแอนโทรไซยานิน สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตา
ดอกดาวเรือง บำรุงสายตา บรรเทาอาการไอ ดอกเข็ม แก้โรคตาแดง ตาแฉะ
สำหรับส่วนผสมของตัวดอกไม้แต่ละกลีบ ประกอบด้วย แป้งสาลีร่อนแล้ว 1 ½ ถ้วยตวง น้ำตาลทรายป่นร่อนแล้ว ½ ถ้วยตวง น้ำมันถั่วเหลือง ¼ ถ้วยตวง เกลือป่น ¼ ช้อนชา งาขาว (สำหรับใช้ติดบนเกสร) ดอกอัญชันสด (สับละเอียด) 3 ช้อนโต๊ะ ใบเตยสด (สับละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดาวเรืองสด (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ กระเจี๊ยบแห้ง (บดละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดอกเข็มสีแดง (สับละเอียด) 2 ½ ช้อนโต๊ะ ดอกเฟื่องฟ้าสีชมพู (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ ดอกคำฝอย (บดละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ 1.ผสมแป้งสาลี น้ำตาลทรายป่น เกลือ และดอกไม้ที่เตรียมไว้หนึ่งชนิด เคล้าให้เข้ากัน 2.ใส่น้ำมันถั่วเหลืองทีละน้อย เคล้าให้เข้ากัน 3.ปั้นส่วนผสมให้เป็นกลีบดอกไม้ หรือรูปหยดน้ำ 4.ทำตามขั้นตอนที่ 1-3 ให้ครบทั้ง 7 ชนิด 5.ทำส่วนผสมเพิ่มอีกครึ่งส่วน โดยไม่ต้องใส่ดอกไม้ (ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ เพื่อติดทำเป็นเกสรดอกไม้) 6.ประกอบกลีบดอกเข้าด้วยกันทั้ง 7 กลีบ ทาน้ำมันถั่วเหลืองระหว่างกลีบดอกเล็กน้อย เพื่อให้กลีบติดกัน 7.นำส่วนผสมสีขาวที่ปั้นเตรียมไว้มาติดตรงกลางดอก เพื่อทำเป็นเกสร ทาไข่แดง โรยงาขาว 8.นำมาเรียงบนถาดที่ปูด้วยกระดาษไข อบขนมที่อุณหภูมิ 280 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที จนขนมสุก หอม แซะออกจากกระดาษไข พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท เพื่อรักษาความกรอบ
ผู้สนใจลองทำทานที่บ้าน หรือจะเอาสูตรไปทำขายได้ เพราะน้อง ๆ ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ไม่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาด.
ข่าว/ภาพ เดลินิวส์