วาไรตี้
ประชาสัมพันธ์
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มหาวิทยาลัย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มหาวิทยาลัย แสดงบทความทั้งหมด

มติ ส.ค.ศ.ท. ขอเปิด-ปิดภาคเรียนแบบเดิม เหตุร้อนค่าไฟพุ่ง-ไม่มีที่ฝึกสอน


มติที่ประชุม ส.ค.ศ.ท. ขอเปิด-ปิดภาคเรียนเวลาเดิม เนื่องจากการเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน ส่งผลกระทบทำให้ไม่มีโรงเรียนให้ครูฝึกประสบการณ์สอน อีกทั้งทำให้ค่าน้ำ-ค่าไฟพุ่ง เตรียมเสนอที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย-รมว.ศธ.พิจา
รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ (มศว) ในฐานะประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย(ส.ค.ศ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประชุม ส.ค.ศ.ท.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอให้ปรับการเปิด-ปิดภาคเรียนของสถาบันการศึกษาในประเทศไทยให้เหมาะสม เนื่องจากเห็นว่าการเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน ไม่สอดคล้องกับการเปิด-ปิดภาคเรียนของสถานศึกษา ที่เป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนิสิต นักศึกษาครู โดยเฉพาะโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เนื่องจากเปิด-ปิดภาคเรียนไม่ตรงกัน ทำให้ไม่มีสถานศึกษาให้ผู้เรียนครูฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และไม่มีครูพี่เลี้ยงช่วยฝึกประสบการณ์การสอนให้
นอกจากนี้ เดือนเมษายน ที่เดิมเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ ก็เป็นฤดูร้อนและเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เมื่อเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน จึงส่งผลให้ผู้เรียนไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาไปช่วยครอบครัวทำงานเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ อีกทั้งอากาศยังร้อนจัดทำให้สิ้นเปลืองค่าสาธารณูปโภค มีการใช้น้ำ-ไฟในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เป็นภาระทั้งตัวผู้เรียน สถาบันการศึกษาและงบประมาณแผ่นดิน
ทั้งนี้ ส.ค.ศ.ท.จะนำมตินี้เสนอที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาต่อไป" รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ กล่าว

ที่มา : เดลินิวส์ , voicetv

เอซ ฉลองครบรอบ 30 ปี เอซ กรุ๊ป สานต่อโครงการ “เอซเพื่อจิตอาสา พัฒนาสังคม” ปี 2


เอซ เชิญชวนนักศึกษาทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ร่วมประกวดโครงการเพื่อสังคมชิงทุนสนับสนุนโครงการสูงถึง 300,000 บาท  สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2558


กรุงเทพฯ 18 พฤษภาคม 2558 บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอซ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ เอซกรุ๊ป หนึ่งในบริษัทรับประกันภัยขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีเอซกรุ๊ป ด้วยการสานต่อโครงการ “เอซเพื่อจิตอาสา พัฒนาสังคม ปี 2หรือ “Enhancing Lives with ACE 2015 หลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานในปีแรก โดยครั้งนี้ขอเชิญชวนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยทั่วประเทศร่วมส่งโครงการเข้าประกวด โดยจะต้องเป็นโครงการที่มีแนวทางสอดคล้องกับปณิธานเพื่อสังคมของเอซ ทั้งในด้านพัฒนาการศึกษาและสุขภาพ การยกระดับคุณภาพชีวิต และการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเอซมอบเงินทุนสนับสนุนเพื่อการดำเนินงานตามแผนงานที่ชนะการประกวด รวม 300,000 บาท ซึ่งนักศึกษาสามารถสมัครส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2558

ร็อบ วิลคินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด  ธุรกิจประกันวินาศภัยของเอซในประเทศไทย กล่าวว่า “การจัดกิจกรรมในปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดานักศึกษาที่ร่วมส่งแผนงานกิจกรรมเพื่อสังคมเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เอซจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อโครงการดังกล่าวในปี 2558 นี้ ผมเชื่อมั่นว่าเราจะได้เห็นโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงและแนวคิดที่สร้างสรรค์มากมาย ที่จะยิ่งสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมไทยโดยรวม และการสานต่อโครงการดีๆนี้เป็นปีที่สองยังถือเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีเอซ กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน”
โดยทีมที่สมัครเข้าร่วมโครงการ “เอซเพื่อจิตอาสา พัฒนาสังคม” ต้องเป็นนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ประกอบด้วยสมาชิกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและมีสังกัดชัดเจน (ทั้งในรูปแบบสโมสร คณะ แผนก ฯลฯ) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่ โดยมีที่ปรึกษาอย่างน้อย 1 คนทำหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานตามแผนงาน นอกจากนี้ ทีมที่เข้าประกวดต้องมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมหรือเป็นอาสาสมัครในกิจกรรมต่างๆ รวมถึงต้องได้รับอนุญาตจากสถาบันในการเข้าร่วมโครงการ โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับเงินทุนสนับสนุน สำหรับการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคมตามแผนงานของทีมจำนวน 120,000 บาท ทีมอันดับสองจะได้รับเงินสนับสนุน 100,000 บาท และทีมอันดับสามจะได้รับ 80,000 บาท



แซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอซ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โครงการ เอซเพื่อจิตอาสา พัฒนาสังคม มุ่งสร้างความแตกต่างให้แก่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ด้อยโอกาสและเพื่อร่วมปกป้องธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของเมืองไทย ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่มีนักศึกษาร่วมส่งผลงานเข้าประกวดเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมา และโครงการเพื่อสังคมของทีมผู้ชนะทั้งสามโครงการยังได้ถูกนำมาดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการร่วมแรงร่วมใจทั้งจากทีมนักศึกษาเจ้าของผลงานและพนักงานอาสาสมัครของเอซ สำหรับโครงการในปีนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีนักศึกษาร่วมสมัครส่งผลงานประกวดมากไม่แพ้ปีที่ผ่านมา โดยเกณฑ์การตัดสินวัดจากความคิดสร้างสรรค์ การคืนประโยชน์สู่สังคม และความเป็นไปได้ในการนำมาปฏิบัติจริงในด้านของระยะเวลาในการดำเนินงานและงบประมาณ เอซมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่าสิบปี โดยได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมทั้งเพิ่มเงินทุนสนับสนุนรวม 300,000 บาทสำหรับการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคมตามแผนงานของทีมที่ชนะการประกวดอีกด้วย” 

ผู้สนใจสมัครร่วมโครงการ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้จาก www.acegroup.com/th/csr  และส่งผลงานทางอีเมล์มาที่ Thailand.ACECSR@acegroup.com (ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5 เมกะไบต์)
###

เกี่ยวกับเอซในประเทศไทย
เอซ กรุ๊ป นับเป็นหนึ่งในบริษัทรับประกันภัยขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งด้านการประกันภัยทรัพย์สินและประกันภัยเบ็ดเตล็ด โดยมีสาขาในประเทศต่าง ๆ กว่า 54 ประเทศทั่วโลก เอซให้บริการด้านการประกันภัยทรัพย์สินและประกันภัยเบ็ดเตล็ด ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพ ประกันภัยต่อ และประกันชีวิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเอซ ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของ เอซ กรุ๊ป ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE:ACE) และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีหลักทรัพย์ S&P 500  เอซ กรุ๊ป ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางด้านความมั่นคงทางการเงินจากสถาบันจัดอันดับชั้นนำในระดับ AA โดย Standard & Poor's และ A++ โดย A.M. Best

เอซมีรากฐานอันยาวนานในประเทศไทยมากว่า 40  ปีผ่านการเข้าซื้อกิจการ โดยให้บริการทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิตธุรกิจประกันวินาศภัยของเอซในประเทศไทย เป็นสาขาของ บริษัท เอซ ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์ จำกัด ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางด้านความมั่นคงทางการเงินในระดับ AA- โดย Standard & Poor's  ผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยของเอซครอบคลุมประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยเบ็ดเตล็ด ประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเล ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกประกันภัยทางการเงินและประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับลูกค้าองค์กร รวมทั้งยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพที่หลากหลายให้กับลูกค้ารายย่อย  ผ่านช่องทางจัดจำหน่าย  ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องทางการตลาดทางตรง ซึ่งเป็นความชำนาญของเอซ  เอซ นับเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจ เนื่องจากมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเป็นสถาบันการเงินและบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งมอบความไว้วางใจให้เอซนำเสนอกรมธรรม์ที่มอบความคุ้มครอง ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าและพนักงานของพันธมิตรของเรา

บริษัท เอซ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ จำกัด (มหาชน) ให้บริการประกันชีวิตหลากหลายประเภท  เพื่อให้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการทางการเงินและความมั่นคงที่แตกต่างของลูกค้า นอกจากช่องทางจัดจำหน่ายทางด้านตัวแทนกว่า 3,500 คนแล้ว  เอซ ไลฟ์ ยังร่วมกับสถาบันการเงิน  และบริษัทต่าง ๆ  ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมกับลูกค้าและพนักงานของบริษัทแต่ละแห่ง   

10 มหาวิทยาลัยรัฐน่าเรียนที่สุด!!

"สถานศึกษา" ใครว่าไม่สำคัญ แต่ก็คงไม่สำคัญไปกว่า "การตั้งใจเล่าเรียน" ในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ถ่ายทอดให้ นั่นน่าจะบ่งบอกถึง "ความสำเร็จ" ของการเรียนรู้ในสถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยได้อย่างดี...
1. "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" สถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันเปิดสอนใน 19 คณะ "อักษรศาสตร์-บัญชี" เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากๆ และมีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย คือ "พระเกี้ยว" ที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภูมิใจ เนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัย ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในสมเด็จพระปิยมหาราช ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัยนี้ ส่วนต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ต้นจามจุรี

2. "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" เป็นมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ก่อตั้งในชื่อ "มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง" เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง สำหรับประชาชนทั่วไป ต่อมาใน พ.ศ. 2495 รัฐบาลเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบัน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอายุเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 และ 6 ตุลาฯ 2519

3. "มหาวิทยาลัยมหิดล" สถาบันศึกษาที่มาจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช ชื่อว่า"โรงเรียนแพทยากร" ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2432 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ใช้แทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เป็น "มหาวิทยาลัยมหิดล"
สถาบันศึกษาที่มาจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช
4. "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร ก่อตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ โดยมีปณิธานในการก่อตั้งเพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่การกสิกรรมและการเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต่อมาได้ขยายสาขาวิชาครอบคลุมทั้งสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ บริหารธุรกิจ และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดสอนหลักสูตรทางด้านการเกษตร
5. "มหาวิทยาลัยศิลปากร" มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และโบราณคดี มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือกำเนิดจากโรงเรียนปราณีตศิลปกรรม สังกัดกรมศิลปากร ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนเป็นโรงเรียนศิลปากร และเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 พระยาอนุมานราชธนร่วมกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยศิลปากร" เพื่อเป็นสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงทางศิลปะของชาติ
ปัจจุบันสอนครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และวิทยาศาสตร์การเกษตร ตามมาตรฐานของมหาวิทยาลัยสากลอย่างสมบูรณ์
มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย
6. "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" มหาวิทยาลัยนี้พัฒนาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2492 และต่อมาพัฒนาเป็น วิทยาลัยวิชาการศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2497 และพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อ พ.ศ.2517 โดยเป็น "มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร"
มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร
7. มาดูสถานศึกษาในต่างจังหวัดกันบ้าง "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่" มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยในส่วนภูมิภาค เพื่อขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ต่างจังหวัด โดยรัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ในด้านการเรียนการสอนของประเทศไทย และเป็นอันดับ 5 ในด้านการวิจัยของประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เมื่อปี พ.ศ. 2549 ด้วย
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยในส่วนภูมิภาค
8. "มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2541 ภายหลังการเรียกร้องของชาวจังหวัดเชียงรายที่ต้องการมีมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงใช้พระราชสมัญญา "แม่ฟ้าหลวง" เป็นชื่อมหาวิทยาลัย ปัจจุบันประกอบด้วยสำนักวิชา 12 สำนัก เป็นมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนระดับอนุปริญญา 1 หลักสูตร ปริญญาตรี 33 สาขา ปริญญาโท 26 สาขา ปริญญาเอก 15 สาขา 
หนังสือพิมพ์ไทมส์ เคยจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกของประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยได้รับการลงคะแนนให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และสวยที่สุดแห่งเอเชีย
มหาวิทยาลัยที่น่าเรียนที่สุดในโลก ...บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย
9. "มหาวิทยาลัยบูรพา" มหาวิทยาลัยแห่งภาคตะวันออก ที่ตั้งอยู่ริมชายทะเลบางแสน จังหวัดชลบุรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2498 โดยอดีตเป็นวิทยาเขตหนึ่งของวิทยาลัยวิชาการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในปัจจุบัน โดยใช้ชื่อว่า วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน หรือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน
ทั้งนี้ วันที่ 8 กรกฎาคม หรือที่เรียกว่า "แปดกรกฎ" ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัย สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้รับการยกวิทยฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยโดยเอกเทศ ด้วยผลการประกาศใช้ "พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533" ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ.2533 ปัจจุบันมหาวิทยาลัยบูรพา จัดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี โท เอก ในหลากหลายกลุ่มสาขาวิชา
มหาวิทยาลัยแห่งภาคตะวันออก ที่ตั้งอยู่ริมชายทะเลบางแสน
10. "มหาวิทยาลัยขอนแก่น" มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นหนึ่งในบรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติจากกระทรวงศึกษาธิการในปี พ.ศ. 2552 ด้วยเหตุผลนี้ทำให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีอัตราการสอบแข่งขันเข้าเรียนมากที่สุดในภูมิภาค
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ว่าแล้ว...ก็อยากกลับไปเรียนบ้าง มหาวิทยาลัยบ้านเราน่าเรียนทั้งน้าน....หากย้อนเวลาได้ จะตั้งใจเรียนแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย
ส่วนใครมีความใฝ่ฝันอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพไหน ก็เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เอาใจช่วยทุกคนให้ได้ไปเรียนใน "มหา'ลัยในฝัน" นะจ้ะ
ที่มา  

10 เมืองค่าเล่าเรียนถูกแบบไม่น่าเชื่อ!!!

สำหรับใครที่กำลังคิดจะไปเรียนต่อยังต่างประเทศ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ “budget” ในกระเป๋า เป็นที่รู้กันว่าขึ้นชื่อว่าไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วค่าเล่าเรียนไม่ใช่น้อยๆ เลย ไหนจะค่าเทอม ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอีกจิปาถะ แต่วันนี้สิ่งที่หลายคนกังวลใจกำลังจะหมดไปเพราะ Life on campus ได้ไปเฟ้นหา 10 เมืองค่าเล่าเรียนถูกแบบไม่น่าเชื่อ (สำหรับนักศึกษาต่างชาติ) ประจำปี 2014 โดยมีดัชนีชีวัด คือค่าเล่าเรียน ต้นทุนการใช้ชีวิต ค่าบิ๊กแมค (Big Mac)และราคา iPad ในแต่ละประเทศ โดยน้ำหนักส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ค่าเล่าเรียนเป็นหลัก บางเมืองไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนเลยด้วยซ้ำ และถ้าจะพูดถึงเรื่องมาตรฐานการศึกษาของทั้ง 10 เมืองแล้วการันตีได้เลยว่าไม่แพ้มหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ๆ อย่างแน่นอน 
       
       1. กัวลาลัมเปอร์ : มหานครแห่งสีสันและวัฒนธรรมอันหลากหลาย 
Kuala Lumpur
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปี : $3,000 ประมาณ 97,290 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $2.33 ประมาณ 75 บาท
       ราคา iPad : $473.77 ประมาณ 15,364 บาท
       
        แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ “กรุงกัวลาลัมเปอร์” เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย กลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจเป็นอันดับสองรองจากประเทศสิงคโปร์ เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและวัฒนธรรมอันหลากหลายของคนหลายเชื้อชาติ ทิวทัศน์และบรรยากาศสวยงามที่สุดเมืองหนึ่ง ให้ทุกคนลองวาดภาพเมืองในสวนสวย แห่งกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่เต็มได้ด้วยสวนสาธารณะหลายแห่ง เมืองสวยอากาศดีเหมาะอย่างยิ่งแก่การไปศึกษาต่อ และที่สำคัญ “ค่าเล่าเรียน และค่าครองชีพ” ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ นักศึกษาชาวต่างชาติที่อยากไปเรียนต่อ สามารถจ่ายได้สบายๆ แถมยังอนุญาตให้ทำงานระหว่างเรียนได้อีกด้วย เรื่องการขอวีซ่าเข้าไปศึกษาต่อก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กัวลาลัมเปอร์ติดอยู่ในอันดับที่ 43 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาในทุกด้าน ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ $3,000 หรือ 97,290 บาท ต่อปี บอกได้เลยว่าที่นี่คือจุดมุ่งหมายปลายทางแห่งการศึกษาที่สงบไม่วุ่นวาย และมีโอกาสอีกมากมายรอคุณอยู่ที่มหานครแห่งนี้
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยมาลายา (Universiti Malaya : UM), มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ มาเลเซีย (International Islamic University Malaysia : IIUM), Universiti Teknologi MARA (UiTM)
       
       2. เม็กซิโก ซิตี้ : เมืองใหญ่แห่งแสงสียามราตรี 
Mexico City
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $3,800 ประมาณ 123,234 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $2.70 ประมาณ 87 บาท
       ราคา iPad : $591.62 ประมาณ 19,186 บาท
       
        1 ใน 3 ประเทศในแถบลาตินอเมริกาที่ติดอันดับ 50 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา “เม็กซิโก ซิตี้” เมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นเมืองในฝันของคนที่ชอบแสงสียามราตรี รับรองได้ว่าเม็กซิโก ซิตี้ ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการศึกษาอีกหลายแห่งจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่มีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกอีกด้วย เช่น พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาแห่งชาติ (National Museum of Anthropology), พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (National Museum of History), พิพิทธภัณฑ์บ้านฟรีด้า คาโล (The Blue House of Frida Kahlo), และพิพิทธภัณฑ์ศิลปะดิเอโก้ ริเวร่า (Anahuacalli Museum) ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่สนใจอยากจะเรียนต่อที่ประเทศเม็กซิโกบอกเลยว่าไม่แพงอย่างที่คิด ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยจะอยู่ที่ $3,800 หรือประมาณ 123,234 บาท ต่อปี ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่มีงบจำกัด แต่ชอบอยู่ในเมืองใหญ่...เม็กซิโก ซิตี้ สิใช่เลย
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยเสรีแห่งชาติเม็กซิโก (Universidad Nacional Autónoma de México : UNAM), สถาบันโปลีเทคนิคแห่งชาติ (Instituto Politécnico Nacional : IPN), Universidad Iberoamericana (UIA), Instituto Tecnológico Autonomo de México (ITAM), Universidad Autónoma del Estado de México, Universidad Autónoma Metropolitana (UAM), Universidad Anahuac
       
       3. ไทเป : เสน่ห์เมืองหลวงแห่งไต้หวัน 
Taipei
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $2,500 ประมาณ 81,075 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $2.48 ประมาณ 80 บาท
       ราคา iPad : $538.34 ประมาณ 17,458 บาท
       
        หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อ “Taipei 101 Tower” หรือ “ตึกไทเป 101” ที่เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และทำให้เมืองไทเปโด่งดังมาก มีบรรยากาศยามค่ำคืนที่คึกคักสนุกสนาน อาหารนานาชาติมากมาย และยังเป็นหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ในทวีปเอเชียที่มีย่านการค้าที่คับคั่งที่สุด นอกจากด้านความทันสมัยแล้ว ไทเปยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ในตัวเมืองยังมีโบราณสถาน ถนนสายเก่า และวัดวาอาราม ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับโลกหลายแห่ง จนติดอันดับเมืองที่มีค่าเล่าเรียนถูกเหมาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่งบน้อย ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ประมาณ $2,500 ประมาณ 81,075 บาท ต่อปี นอกจากจะมีค่าเล่าเรียนที่ถูกแสนถูกแล้ว ค่าครองชีพยังค่อนข้างต่ำอีกด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตอยู่ในไต้หวันอยู่สบายๆ ที่ประมาณเดือนละ $600-$800 หรือประมาณ 19,458 - 25,944 บาท (รวมค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าตำราเรียน ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ) หากเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ของโลกแล้วค่าใช้จ่ายในเมืองไทเปยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลอยู่พอสมควร และยังมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ให้เลือกอีกมากมายหลายแห่งด้วยกัน
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University :NTU), มหาวิทยาลัยแห่งชาติหยางหมิง (National Yang Ming University), มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ไทเป (Taipei Medical University : TMU), มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไต้หวัน (National Taiwan University of Science and Technology), มหาวิทยาลัยซือฟ่าน (National Taiwan Normal University), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเมืองไทเป (National Taipei University of Technology), มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (National Chengchi University), มหาวิทยาลัยคาทอลิกฟูเจน (Fu Jen Catholic University)
       
       4. เบอร์ลิน : เมืองแห่งประวัติศาสตร์อันขมขื่น 


Berlin
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $0 ไม่เสียค่าเล่าเรียน
       ราคาบิ๊กแมค : $4.34 ประมาณ 140.75 บาท
       ราคา iPad : $618.34 ประมาณ 20,052 บาท
       
        “กำแพงเบอร์ลิน” ประวัติศาสตร์อันขมขื่นที่มนุษยชาติมิอาจลืมเลือน อิสรภาพที่แลกมาด้วยหยดเลือดและหยาดน้ำตา หลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงไป ทำให้ชาวเยอรมันทั้งสองฟากฝั่งมีเสรีภาพที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งทำให้เบอร์ลินกลับมาเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง และยังกลายมาเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาในทุกด้าน สิ่งสำคัญที่ช่วยในการส่งเสริมให้เบอร์ลินกลายเป็นเมืองแห่งการศึกษาก็คือ มหาวิทยาลัยของรัฐบาลส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าเล่าเรียน ทั้งนักศึกษาในท้องถิ่น และนักศึกษาชาวต่างชาติ (ยกเว้นหลักสูตรปริญญาโทบางส่วน) แม้จะไม่มีค่าเล่าเรียน แต่เบอร์ลินก็ยังมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงกว่า 3 ประเทศที่กล่าวมาแล้วพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าถูกกว่าในบรรดาประเทศในยุโรปตะวันตก อย่างลอนดอนหรือปารีส แถมยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้กัน และมีมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ติดอยู่ใน 100 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอย่าง มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin) มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเบอร์ลิน และมีอันดับสูงสุดในประเทศเยอรมนีตั้งอยู่ที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin), มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ทแห่งเบอร์ลิน (Humboldt-Universität zu Berlin) และ มหาวิทยาลัยเทคนิกแห่งเบอร์ลิน (Technische Universität Berlin)
       
       5. มิวนิค : เมืองแห่งเทศกาลเบียร์และคอบอล 


Munich
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $1,000 ประมาณ 32,430 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $4.34 ประมาณ 140.75 บาท
       ราคา iPad : $618.34 ประมาณ 20,052 บาท
       
        ใครๆ ก็รู้ว่า “เยอรมนี” คือเมืองแห่งเบียร์ ไม่เพียงเป็นประเทศที่ประชาชนดื่มเบียร์มากที่สุดในโลก แต่ยังเป็นประเทศที่ผลิตเบียร์ได้มากกว่า 5,000 ชนิดอีกด้วย เราจะพบโรงบ่มเบียร์ได้ทั่วไปในประเทศเยอรมนี อย่างในเมือง “มิวนิก” เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ รองจากเบอร์ลิน และฮัมบูร์ก หนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของยุโรป ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งเทศกาลเบียร์และคอบอล” และสีสันแห่งเมืองเศรษฐกิจ อีกหนึ่งเมืองในประเทศเยอรมนีที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่กำลังมองหาเมืองเพื่อไปศึกษาต่อ ไม่ฟรีค่าเล่าเรียนเหมือนที่เบอร์ลิน แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก คิดเฉลี่ยต่อปีแล้วตกอยู่ที่ประมาณ $1,000 ประมาณ 32,430 บาท แต่ก็มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะประกาศยกเลิกค่าเล่าเรียนในไม่ช้า ใครสนใจก็ต้องลองติดตามกันต่อไป
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งมิวนิก (Technische Universität München) และมหาวิทยาลัยลุดวิก แม็กซิมิลเลียนแห่งมิวนิค (Ludwig-Maximilians-Universität München) 
       
       6. เมืองเซี่ยงไฮ้ : นครปารีสแห่งตะวันออก 


Shanghai
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $3,000 ประมาณ 97,290 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $2.45 ประมาณ 79 บาท
       ราคา iPad : $618.34 ประมาณ 19,539 บาท
       
        “เซี่ยงไฮ้” เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุด จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "นครปารีสแห่งตะวันออก" ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มมหานครไฮโซอันดับ 5 ของโลก รองจาก กรุงวอชิงตันดี.ซี., นิวยอร์ก, ลอนดอน และปารีส มหานครเซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน ในด้านความก้าวหน้า และทันสมัย เมืองที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน แม้ในความเป็นจริงแล้วประเทศจีนถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมากสำหรับคนที่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า “เซี่ยงไฮ้” จะเป็นเมืองหนึ่งที่มีอัตราค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนที่ถูกที่สุดในโลก พอๆ กับค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนในประเทศมาเลเซีย เฉพาะค่าเล่าเรียนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ $3,000 หรือประมาณ 97,290 บาท ต่อปี มีมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ติดอันดับโลกหลายแห่งตั้งอยู่ที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย 
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University), มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong University), มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (Shanghai University) และ มหาวิทยาลัยถงจี้ (Tongji University)
       
       7. ลียง : เมืองมรดกโลกแห่งฝรั่งเศส 


Lyon
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $1,000 ประมาณ 32,430 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $4.34 ประมาณ 140.75 บาท
       ราคา iPad : $688.49 ประมาณ 22,327 บาท
       
        ในขณะที่ปารีสอยู่ในอันดับ 1 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา จัดอันดับโดย QS ประจำปี 2014 แต่ก็ยังมีเมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศสอย่าง“ลียง (Lyon)” ที่ติดอันดับเมืองที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ในปี 2014 ด้วยเช่นกัน “ลียง” เมืองที่มีสัญลักษณ์เป็นสิงโต มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาอันยาวนาน จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีทั้งวิหารเก่าแก่ สถาปัตยกรรมโรมันอันคลาสสิค และพิพิธภัณฑ์ศิลปะลือชื่อ เป็นเมืองทอผ้าไหมฝรั่งเศสที่งดงาม ดินแดนแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ อย่าง “The Festival of Lights” หรือเทศกาลที่ทุกคนจะร่วมจุดเทียนทุกบ้านและทั่วท้องถนนเพื่อระลึกถึงพระแม่มารี ลียงเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากปารีส เมืองสำคัญทางธุรกิจ และยังมีมาตรฐานด้านการศึกษาอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ค่าเล่าเรียนแสนถูก เพียง $1,000 หรือ 32,430 บาทต่อปี เท่านั้น และค่าครองชีพโดยรวมก็ไม่สูงเหมือนในเมืองหลวงอีกด้วย
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : โรงเรียนวิชาชีพชั้นสูง Ecole Normale Supérieure de Lyon, Université Claude Bernard Lyon 1, Université Lumière Lyon 2 และ Université Jean Moulin Lyon 3 
       
       8. บรัสเซลส์ : ศูนย์กลางแห่งสหภาพยุโรป (EU) 


Brussels
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $1,000 ประมาณ 32,430 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $4.34 ประมาณ 140.75 บาท
       ราคา iPad : $618.34 ประมาณ 19,539 บาท
       
        เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม และเป็นศูนย์กลางหรือเมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป มีหน่วยงานสำคัญ 2 หน่วยงาน คือ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) และคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (Council of the European Union) ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ นอกจากเป็นสถานที่ราชการแล้วบรัสเซลส์ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมาย อย่าง “กรองด์ปลาซ (แกรนด์ เพลซ)” จัตุรัสที่สวยงามที่สุด เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สมัยบาโร้ค โกธิค และนีโอ - โกธิค จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกหนึ่งเมือง ที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ นอกจากนี้เมืองบรัสเซลส์ยังเรียกได้ว่าเป็นเมืองสองภาษา โดยจะมีภาษาหลักที่ใช้ในเมืองนี้ด้วยกัน 2 ภาษา คือภาษาฝรั่งเศสและดัทช์ คนในเมืองก็จะพูดฝรั่งเศส ส่วนนอกเมืองก็จะเป็นภาษาดัทช์ซะส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษจะใช้น้อยมากที่นี่ หากใครสนใจจะมาศึกษาต่อควรจะต้องเตรียมการเรื่องภาษามาก่อน แม้ว่าจะมีค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างถูก แต่อุปสรรคเรื่องภาษาก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่จะตัดสินใจมาเรียนต่อด้วยเช่นกัน
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัย Université Libre de Bruxelles (ULB) และ มหาวิทยาลัย Vrije Universiteit Brussel (VUB) 
       
       9. เฮลซิงกิ : ธิดาแห่งทะเลบอลติก 


Helsinki
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $0
       ราคาบิ๊กแมค : $4.34 ประมาณ 140.75 บาท
       ราคา iPad : $695.25 ประมาณ 22,547 บาท
       
        เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ หรือ สาธารณรัฐฟินแลนด์ ที่ใครๆ ก็รู้จักดี “เฮลซิงกิ” แต่เดิมไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ แต่เพิ่งมาสถาปนาเมื่อสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย ค.ศ. 1812 จึงทำให้เฮลซิงกิมีวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก รวมทั้งมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่งดงาม ที่มีตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่เกาะมากมาย จนได้รับการขนานนามว่า “ธิดาแห่งทะเลบอลติก” แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงที่มีขนาดที่ไม่ใหญ่โตนัก แต่เฮลซิงกิกลับเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และมีชีวิตชีวามาก ผู้คนในเมืองก็มีอัธยาศัยดี จนเมื่อปี ค.ศ. 2000 เมืองแห่งนี้ก็ได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปอีกด้วย แค่ฟังประวัติความเป็นมาก็น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องดีๆ ยังมีขึ้นที่เมืองแห่งนี้อีก นั่นก็คือ ประเทศฟินแลนด์ส่วนใหญ่จะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ทั้งคนในท้องถิ่นและคนต่างชาติ ที่เหลือก็รับผิดชอบเพียงค่าใช่จ่ายและค่าครองชีพเท่านั้น 
       
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ (University of Helsinki) และมหาวิทยาลัยอัลโต (Aalto University) 
       
       10. ฮ่องกง : เมืองแห่งสีสันและสวรรค์ของนักช้อป 


Hong Kong
        ค่าเล่าเรียนเฉลี่ย : $12,000 ประมาณ 392,403 บาท
       ราคาบิ๊กแมค : $2.13 ประมาณ 69 บาท
       ราคา iPad : $501.52 ประมาณ 16,264 บาท
      
        มาถึงอันดับสุดท้าย เมืองที่ใกล้กับประเทศไทยนิดเดียว แต่มีค่าเล่าเรียนสูงที่สุดในบรรดาเมืองต่างๆ ที่กล่าวมา เฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่ $12,000 ประมาณ 392,403 บาท ต่อปี แถมยังติดอยู่ในอันดับ 3 เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย “ฮ่องกง” หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า“เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” เกาะเล็กๆ ที่ไม่เคยหลับใหลเต็มไปด้วยผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก มนต์เสน่ห์ของตึกสูงระฟ้า ธรรมชาติที่งดงาม รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้งมากมายที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองสวรรค์ของนักช้อปเลยทีเดียว แม้จะมีค่าเล่าเรียนที่สูงสุดใน 10 เมือง แต่ก็ไม่สูงจนเกินไปนัก แต่ถ้าดูค่าเฉลี่ยของค่าอาหารแล้วยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างถูก หากรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ยังถูกกว่าไปศึกษาต่อที่ประเทศในแถบยุโรปอยู่ดี อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำให้เลือกหลายแห่งด้วยเช่นกัน ใครที่สนใจมาศึกษาต่อที่เกาะฮ่องกงแห่งนี้รับรองไ้ด้ว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
      
       มหาวิทยาลัยชั้นนำ : มหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong : HKU), มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (The Hong Kong University of Science and Technology : HKUST), มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (The Chinese University of Hong Kong : CUHK), มหาวิทยาลัยแห่งเกาะเกาลูน (City University of Hong Kong), มหาวิทยาลัยฮ่องกงโปลีเทคนิก (The Hong Kong Polytechnic University), มหาวิทยาลัยแบ๊บติสต์ฮ่องกง (Hong Kong Baptist University : HKBU), มหาวิทยาลัยหลิงหนาน Lingnan University (Hong Kong) 
      
       ที่มา :  Topuniversity ,    





มหาวิทยาลัย ที่เปิดรับตรง หมดเขตสิ้นเดือนนี้จ้า !!!

1   มหาวิทยาลัยมหิดล

http://www.mahidol.ac.th/admission/quota2011/
รีบชำระเงินภายในวันที่  30 กันยายน นี้ด้วยนะครับ
2  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

http://www.reg2.tu.ac.th/registrar/home.asp
3 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

http://www.reg.cmu.ac.th/

4  มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ด่วน../ โครงการ CPIRD. กำลังเปิดรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ี่ ถึง 30 กันยายน 2553 นี้
http://home.kku.ac.th/admismd/

5  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

http://www.sci.ku.ac.th:8000/th/scifac/

6  มหาวิทยาลัยศิลปากร

http://www.decentrance.su.ac.th/
กำลังอัพข้อมูล  เพิ่มจ้า

ที่มา  http://www.unigang.com/Article/3954

รับตรง มหาวิทยาลัย นครพนม

( ในเว็บไซต์ไม่มีรายละเอียด   หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้ สงสัยต้องโทรไปอย่างเดียว เหอะ ๆ )

ที่มา  unigang.com

มหาวิทยาลัย ที่ร่วม แอดมิสชั่นส์





สถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมในการคัดเลือกฯ

การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2552 มีสถาบันต่างๆ เข้าร่วมในการคัดเลือก รวม 95 สถาบัน จำแนกได้ดังนี้

สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในสังกัดและในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.chula.ac.th

2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ http://www.ku.ac.th

3. มหาวิทยาลัยขอนแก่น http://www.kku.ac.th

4. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ http://www.cmu.ac.th

5. มหาวิทยาลัยทักษิณ http://www.tsu.ac.th

6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี http://www.kmutt.ac.th

7 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ http://www.kmutnb.ac.th

8. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี http://www.sut.ac.th

9. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://www.tu.ac.th

10 มหาวิทยาลัยนครพนม http://www.npu.ac.th/

11 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ www.pnu.ac.th

12. มหาวิทยาลัยนเรศวร http://www.nu.ac.th

13. มหาวิทยาลัยบูรพา http://www.buu.ac.th

14. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม http://www.msu.ac.th

15. มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.mahidol.ac.th

16. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ http://www.mju.ac.th

17. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง http://www.mfu.ac.th

18. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ http://www.wu.ac.th

19. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ http://www.swu.ac.th

20. มหาวิทยาลัยศิลปากร http://www.su.ac.th

21. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ http://www.psu.ac.th

22. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี http://www.ubu.ac.th

23. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังhttp://www.kmitl.ac.th

24. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ http://www.rmutk.ac.th

25. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก http://www.rmutto.ac.th

26. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี http://www.rmut.ac.th

27. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร http://www.rmutp.ac.th

28. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ http://www.rmutr.ac.th

29. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา http://www.rmutl.ac.th

30. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย http://www.rmutsv.ac.th

31. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ http://www.rmutsb.ac.th

32. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน http://www.rmuti.ac.th

33. มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี http://www.kru.ac.th

34. มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม http://www.chandra.ac.th

35. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี http://www.tru.ac.th

36. มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี http://www.dru.ac.th

37. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ http://www.nsru.ac.th

38. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา http://www.bsru.ac.th

39. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร http://www.pnru.ac.th

40. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา http://www.aru.ac.th

41. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม http://www.psru.ac.th

42. มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี http://www.pbru.ac.th

43. มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต http://www.pkru.ac.th

44 มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://www.rmu.ac.th

45. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ http://web1.rru.ac.th

46. มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ http://www.vru.ac.th

47. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต http://www.dusit.ac.th

48. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา http://www.ssru.ac.th

49. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ http://www.srru.ac.th

สถาบันอุดมศึกษาของรัฐในสังกัดหน่วยงานอื่น

1. วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ http://www.kcn.ac.th/

2. วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ http://www.policehospital.go.th

3. วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย http://www.trcn.ac.th/

4. สถาบันการพลศึกษา http://www.ipe.ac.th/main/

สถาบันอุดมศึกษาเอกชน

1. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

2. มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

3. มหาวิทยาลัยคริสเตียน

4. มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา

5. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

6. มหาวิทยาลัยธนบุรี

7. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

8. มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่

9. มหาวิทยาลัยปทุมธานี

10. มหาวิทยาลัยพายัพ

11. มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น

12. มหาวิทยาลัยภาคกลาง

13. มหาวิทยาลัยรังสิต

14. มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต

15. มหาวิทยาลัยราชธานี

16. มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

17. มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น

18. มหาวิทยาลัยศรีปทุม

19. มหาวิทยาลัยสยาม

20. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

21. มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

22. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

23. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย

24 มหาวิทยาลัยเอเชียน

25. มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์

26. สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

27. วิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

28. วิทยาลัยเชียงราย

29. วิทยาลัยเซนต์หลุยส์

30. วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก

31. วิทยาลัยดุสิตธานี

32. วิทยาลัยตาปี

33. วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้

34. วิทยาลัยนครราชสีมา

35. วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

36. วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย

37 วิทยาลัยพิชญบัณฑิต

38. วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ

39. วิทยาลัยรัชต์ภาคย์

40. วิทยาลัยราชพฤกษ์

41. วิทยาลัยลุ่มน้ำปิง

42. วิทยาลัยสันตพล
loading...

Facebook

บทความ

loading...