ประชาสัมพันธ์

ประวัติสุนทรภู่ ยอดกวีแห่งแผ่นดินสยาม เนื่องในวันสุนทรภู่ปีนี้, ชีวประวัติ ผลงานวรรณกรรม ของสุนทรภู่

ภาพที่แนบมา

ประวัติสุนทรภู่

วัยเด็ก (พ.ศ.๒๓๒๙ - ๒๓๔๙) แรกเกิด - อายุ ๒๐ ปี

พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร ์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อย
สุนทรภู่ เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกัน ฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง ส่วนมารดา คงเป็นนางนมพระธิดา ในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงานมีสามีใหม่ และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คน เป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัว เป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก

สุนทร ภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่ม เกิดรักใคร่ชอบพอ กับนางข้าหลวง ในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึง กรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน

เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณ ที่จะมีการ ปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ ชั้นสูงเมื่อเสด็จสวรรคต หรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี ดังความตอนหนึ่งในนิราศเมืองแกลงว่า

"จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา"

แต่ เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฎ อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙


วัยฉกรรจ์ (พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙) อายุ ๒๑ - ๓๐ ปี

หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสองค์เล็ก ของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยา

สุนทรภู่คงเป็น คนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นาน ก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้อง ตามเสด็จพระองค์เจ้า ปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภู่ได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐

สุนทรภู่ มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนัก ในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอก ทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย

ประวัติ ชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน หนีความเศร้าออกไป เพชรบุรี ทำไร่ทำนาอยู่กับหม่อมบุญนาคในพระราชวังหลัง ดังความตอนหนึ่งในนิราศ เมืองเพชร ที่ท่านย้อนรำลึกความหลัง สมัยหนุ่ม ว่า

"ถึงต้นตาลบ้านคุณหม่อมบุญนาค เมื่อยามยากจนมาได้อาศัย
มารดาเจ้าคราวพระวังหลังครรไล มาทำไร่ทำนา ท่านการุญ"



รับราชการครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗) อายุ ๓๐ - ๓๘ ปี

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นมหากวีและทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็นอย่างยิ่ง ในรัชสมัยของ พระองค์ ได้กวดขันการฝึกหัดวิธีรำจนได้ที่ เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบทุกวันนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละคร ขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง มีเรื่องอิเหนาและเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น

มูล เหตุที่สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ น่าจะเนื่องมาจากเรื่องละครนี้เอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีทอดบัตรสนเท่ห์ เพราะจากกรณี บัตรสนเท่ห์นั้น คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกประหารชีวิตถึง ๑๐ คน แม้แต่ นายแหโขลน คนซื้อกระดาษดินสอ ก็ยังถูกประหารชีวิต ด้วย มีหรือสุนทรภู่จะรอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้ สุนทรภู่เป็นแต่เพียงไพร่ มีชีวิตอยู่นอกวังหลวง ช่วงอายุก่อนหน้านี้ก็วนเวียน และเวียนใจอยู่กับเรื่องความรัก ที่ไหนจะมี เวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง

(กรณีวิเคราะห์นี้ มิได้รับรองโดยนักประวัติศาสตร์ เป็นความเห็นของคุณปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "เที่ยวไปกับสุนทรภู่" ซึ่งเห็นว่ามูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้า รับราชการ น่าจะมาจากเรื่องละครมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งข้าพเจ้า พิเคราะห์ดูก็เห็นน่าจะจริง ผิดถูกเช่นไรโปรดใช้วิจารณญาณ)

อีกคราวหนึ่งเมื่อทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ตอนศึกสิบขุนสิบรถ ทรงพระราชนิพนธ์บทชมรถทศกัณฐ์ว่า

"๏ รถที่นั่ง บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน
กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน
ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน
สารถีขี่ขับเข้าดงแดน พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ"

ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงนี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็นึกไม่ออก
จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่แต่งต่อว่า


"นทีตีฟองนองระลอก กระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น
เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน
ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน
บดบังสุริยันตะวันเดือน คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา"


กลอนบทนี้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยิ่งนัก นับแต่นั้นก็นับสุนทรภู่เป็นกวีที่ปรึกษาด้วย
อีกคนหนึ่ง ทรงตั้งเป็นที่ขุนสุนทรโวหาร พระราชทานที่ให้ปลูกเรือนที่ท่าช้าง และให้มีตำแหน่งเฝ้าฯ เป็นนิจ
แม้เวลาเสด็จประพาสก็โปรดฯ ให้สุนทรภู่ลงเรือพระที่นั่งไปด้วย เป็นพนักงานอ่านเขียนในเวลาทรงพระราชนิพนธ์บทกลอน
ภาพที่แนบมา


ออกบวช (พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๘๕) อายุ ๓๘ - ๕๖ ปี

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต นอกจากแผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิต ได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษา ในราชสำนักก็หมดวาสนาไปด้วย

"ทรงขัดเคือง สุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มา จนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... "

จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัย ประกอบกับ ความอาลัยเสียใจหนักหนาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนอง พระมหากรุณาธิคุณ สุนทรภู่ได้เผยความในใจนี้ ในตอนหนึ่ง ของนิราศภูเขาทอง ว่า

"จะสร้างพรตอตส่าห์ส่งบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไป"

เมื่อ บวชแล้ว ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เล่ากันว่า ท่านได้เดินทางไปยังหัวเมืองต่างๆ หลายแห่ง เช่นเมืองพิษณุโลก เมืองประจวบคีรีขันธ์ จนถึงเมืองถลางหรือภูเก็ต และเชื่อกันว่า ท่านคงจะเขียนนิราศเมืองต่างๆ นี้ไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่ ยังค้นหาต้นฉบับไม่พบ

ชีพจรลงเท้าสุนทรภู่อีกครั้ง เมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะ ไปค้นหา ทำให้เกิด นิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณ ปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราว ในชีวิตของท่านอีก เป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย



รับราชการครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๘๕ - ๒๓๙๘) อายุ ๕๖ - ๖๙ ปี

เมื่อสึกออกมา สุนทรภู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรง พระยศเป็นสมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โปรดอุปถัมภ์ให้สุนทรภู่ ไปอยู่พระราชวังเดิมด้วย ต่อมา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตา อุปการะสุนทรภู่ด้วย กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัย ในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังแต่งเรื่อง สิงหไตรภพถวายกรมหมื่น อัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่ง

แม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทางและรักกลอนเป็นที่สุด ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก ๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ในปี พ.ศ.๒๓๙๔ ขณะที่ท่านมีอายุ ได้ ๖๕ ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี
ภาพที่แนบมา

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่
วันเกิด วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2329
ถึงแก่กรรม ปีพ.ศ. 2398

ผลงานวรรณกรรมของสุนทรภู่

นิราศ
๑. นิราศเมืองแกลง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนต้นปี
๒. นิราศพระบาท แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนปลายปี
๓. นิราศภูเขาทอง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๑
๔. นิราศเมืองสุพรรณ (โคลง) แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๔
๕. นิราศวัดเจ้าฟ้า ฯ แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๕
๖. นิราศอิเหนา
๗. นิราศพระแท่นดงรัง
๘. นิราศพระประธม
๙. นิราศเมืองเพชร แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒
นิทาน

๑. เรื่องโคบุตร แต่งในราวรัชกาลที่ ๑
๒. เรื่องพระอภัยมณี แต่งในราวรัชกาลที่ ๒-๓
๓. เรื่องพระไชยสุริยา แต่งในราวรัชกาลที่ ๓
๔. เรื่องลักษณวงศ์ (มีสำนวนผู้อื่นแต่งต่อ และไม่ทราบเวลาแต่ง)
๕. เรื่องสิงหไตรภพ แต่งในราวรัชกาลที่ ๒

สุภาษิต

๑. สวัสดิรักษา แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๔-๗
๒. เพลงยาวถวายโอวาท แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๓
๓. สุภาษิตสอนหญิง แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓

บทละคร

๑. เรื่องอภัยณุราช

บทเสภา

๑. เรื่องขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม แต่งในรัชกาลที่ ๒
๒. เรื่องพระราชพงศาวดาร แต่งในรัชกาลที่ ๔

บทเห่กล่อม

๑. เห่เรื่องจับระบำ
๒. เห่เรื่องกากี
๓. เห่เรื่องพระอภัยมณี
๔. เห่เรื่องโคบุตร

รวมวรรณกรรมของสุนทรภู่ ทั้งหมด ๒๔ เรื่อง

ทั้งหมดคือเรื่องราว และประวัติสุนทรภู่ ซึ่งรวมถึงผลงานวรรรกรรมของสุนทรภู่ ให้ทุกท่านที่ผ่านเข้ามาได้ศึกษากันครับ 


ที่มา  http://www.siamfreestyle.com/forum/index.php?showtopic=161

Google ให้ความสำคัญกับวันนี้ จึงได้ ทำ logo Google สุนทรภู่ขึ้นมา

รับตรง โครงการรับเพิ่มพิเศษ วัสดุขั้นสูงและนาโนเทคโนโลยี ศิลปากร




โครงการรับนักศึกษาเพิ่มพิเศษ สาขาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ เเละสาขาวิชาวัสดุขั้นสูงเเละนาโนเทคโนโลยี
ประจำปีการศึกษา 2554
( รอบแรก )
 
 
+ ประกาศรับสมัคร 2554 (รอบแรก)
+ ประกาศทุน 2554 (รอบแรก)
+ ตรวจสอบเลขประจำตัวผู้สมัครและสถานะการสมัคร
 


โครงการรับนักศึกษาเพิ่มพิเศษ สาขาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ เเละสาขาวิชาวัสดุขั้นสูงเเละนาโนเทคโนโลยี
ประจำปีการศึกษา 2554 ( รอบสอง )
 
+ ประกาศรับสมัคร2554(รอบสอง)
+ ประกาศทุน 2554 (รอบสอง)
+ การตรวจสอบคุณสมบัติ+เอกสารรับรอง (รอบสอง)
+ ตรวจสอบเลขประจำตัวผู้สมัครและสถานะการสมัคร
 ที่มา  http://www.unigang.com/Article/2743

เกณฑ์รับนิสิตแพทย์ ปี54 ม.บูรพา

ร่างเกณฑ์การรับสมัครนิสิต ประจำปีการศึกษา 2554

     1. ผู้สมัคร หรือบิดา หรือมารดา มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านใน 9 จังหวัดดังต่อไปนี้ คือ สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และสระแก้ว ไม่น้อยกว่า 3 ปีต่อเนื่องกันในปัจจุบัน นับถึงวันสมัคร
     2. วุฒิการศึกษา
          2.1 เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ
          2.2 กำลังศึกษาอยู่และคาดว่าจะจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายก่อนเดือน เมษายน พ.ศ. 2553 ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 4 (มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6)
     3. ไม่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใน มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐในปีการศึกษา 2553 ตามโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่ได้ยืนยันสิทธิกับสถาบันที่คัดเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว
     4. ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาเกินชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาของรัฐที่เข้าร่วมระบบการคัดเลือกนักศึกษาร่วม กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยกเว้นได้ลาออกจากการศึกษาก่อนวันยื่นใบสมัคร (หากมีการลงทะเบียนในรายวิชาบังคับของชั้นปีที่สูงกว่าปีที่ 1 จะถือว่าศึกษาในชั้นปีที่เกินชั้นปีที่ 1)
     5. จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย อันตรายต่อนิสิตแพทย์เอง อุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังต่อไปนี้
          5.1 มีปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือผู้อื่น เช่น โรคจิต (Psychotic Disorders) โรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) โรคประสาทรุนแรง (Severe Neurotic Disorders) โรคบุคลิกภาพผิดปกติ (Personality Disorders) โดยเฉพาะ Antisocial Personality Disorders หรือ Borderline Personality Disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.2 เป็นโรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.3 เป็นโรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.4 มีความพิการทางร่างกายอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.5 มีความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
                5.5.1 ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง โดยได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว
                5.5.2 ระดับการมองเห็นในตาข้างดี แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40
          5.6 มีความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง โดยมีระดับการได้ยินเฉลี่ยที่ความถี่ 500 – 2,000 เฮิรตซ์ สูงกว่า 40 เดซิเบล และความสามารถในการแยกแยะคำพูด (speech discrimination score) น้อยกว่าร้อยละ 70 จากความผิดปกติของประสาทและเซลล์ประสาทการได้ยิน (sensorineural hearing loss)
          5.7 โรคหรือความพิการอื่น ๆ ซึ่งมิได้ระบุไว้ที่คณะกรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกายเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการ ศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทั้งนี้ อาจแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค หรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละกรณี ตรวจเพิ่มเติมได้
     6. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะรับราชการได้เมื่อจบการศึกษา ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้สำหรับข้าราชการพลเรือน การรับราชการจะต้องเข้าระบบการใช้ทุนตามระเบียบของทางราชการ
     7. ก่อนเข้าศึกษาต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียวหรือสัญญาปลายเปิดตามมติคณะ รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2543 คือ เป็นสัญญาที่กำหนดหน้าที่ของผู้รับทุนที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะ กรรมการพิจารณาการจัดสรรฯ โดยต้องทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกันตามระเบียบและเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้ผูกพันให้ส่วนราชการต้องบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ หรือเป็นพนักงานในหน่วยงานของรัฐ

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน    http://med.buu.ac.th/

ที่มา  http://www.unigang.com/Article/2757

รับตรงโครงการ วมว ม.สงขลานครินทร์


รายละเอียดทั้งหมด  http://www.entrance.psu.ac.th/2554/news/pdf/01_WorMorWor.pdf

ที่มา  http://www.unigang.com/Article/2680

กำหนดการ สอบตรง ม.ขอนแก่น




เอกสาร   http://reg4.kku.ac.th/Baad/section/service/quota54/table.pdf
หน้าเว็บข่าวนี้ http://www.news.kku.ac.th/kkunews/content/view/5033/

ที่มา  http://www.unigang.com/Article/2712

ข่าวดี ขยายศูนย์สอบ SMART-I ในภูมิภาค



SMART ระดับปริญญาตรี (SMART-I)
กำหนดการสอบ                                              สมัครสอบคลิ้กที่นี่
ครั้งที่ สนามสอบ รับสมัคร วันสอบ
1/2553 มธ.รังสิต 18 ม.ค. - 24 ม.ค. 53 7 ก.พ. 53
2/2553 มธ.รังสิต 3 พ.ค. - 9 พ.ค. 53 13 มิ.ย. 53
3/2553 มธ.รังสิต 21 มิ.ย. - 27 มิ.ย. 53 11 ก.ค. 53
4/2553 มธ.รังสิต 19 ก.ค. - 25 ก.ค. 53 8 ส.ค. 53
5/2553 สุราษฎร์ฯ 19 ก.ค. - 25 ก.ค. 53 15 ส.ค. 53
6/2553 เชียงใหม่ 19 ก.ค. - 25 ก.ค. 53 22 ส.ค. 53
7/2553 ขอนแก่น 19 ก.ค. - 25 ก.ค. 53 29 ส.ค. 53
8/2553 มธ.รังสิต 16 ส.ค. - 22 ส.ค. 53 5 ก.ย. 53
9/2553 มธ.รังสิต 22 พ.ย. - 28 พ.ย. 53 12 ธ.ค. 53

ตัวอย่างข้อสอบ เกณฑ์รับตรงฯ    เกณฑ์ BBA
ตารางแจกแจงคะแนน

กำหนดการ รับตรง ม.บูรพา 2554

กำหนดการ  รับตรง  ม.บูรพา 2554  มาแล้วจ้ามาดูเป็นแนวทางวางแผนเพื่อสมัครรับตรงได้เลย

ข้อย้ำ สมัคร รอบแรกโอกาศเข้าสอบติดจะเยอะ
รอบแรกคะแนนจะไม่สูงแต่รอบ 2 คะแนน จะพุ่ง =_=

Download  

รับตรง โครงการรับเพิ่มพิเศษ วัสดุขั้นสูงและนาโนเทคโนโลยี ศิลปากร


 
 
โครงการรับนักศึกษาเพิ่มพิเศษ สาขาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ เเละสาขาวิชาวัสดุขั้นสูงเเละนาโนเทคโนโลยี
ประจำปีการศึกษา 2554
( รอบแรก )
 
 
+ ประกาศรับสมัคร 2554 (รอบแรก)
+ ประกาศทุน 2554 (รอบแรก)
+ ตรวจสอบเลขประจำตัวผู้สมัครและสถานะการสมัคร
 
 
 


โครงการรับนักศึกษาเพิ่มพิเศษ สาขาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ เเละสาขาวิชาวัสดุขั้นสูงเเละนาโนเทคโนโลยี
ประจำปีการศึกษา 2554 ( รอบสอง )
 
+ ประกาศรับสมัคร2554(รอบสอง)
+ ประกาศทุน 2554 (รอบสอง)
+ การตรวจสอบคุณสมบัติ+เอกสารรับรอง (รอบสอง)
+ ตรวจสอบเลขประจำตัวผู้สมัครและสถานะการสมัคร  

เกณฑ์รับนิสิตแพทย์ ปี54 ม.บูรพา

ร่างเกณฑ์การรับสมัครนิสิต ประจำปีการศึกษา 2554

     1. ผู้สมัคร หรือบิดา หรือมารดา มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านใน 9 จังหวัดดังต่อไปนี้ คือ สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และสระแก้ว ไม่น้อยกว่า 3 ปีต่อเนื่องกันในปัจจุบัน นับถึงวันสมัคร
     2. วุฒิการศึกษา
          2.1 เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ
          2.2 กำลังศึกษาอยู่และคาดว่าจะจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายก่อนเดือน เมษายน พ.ศ. 2553 ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 4 (มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6)
     3. ไม่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใน มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐในปีการศึกษา 2553 ตามโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่ได้ยืนยันสิทธิกับสถาบันที่คัดเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว
     4. ไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาเกินชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาของรัฐที่เข้าร่วมระบบการคัดเลือกนักศึกษาร่วม กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยกเว้นได้ลาออกจากการศึกษาก่อนวันยื่นใบสมัคร (หากมีการลงทะเบียนในรายวิชาบังคับของชั้นปีที่สูงกว่าปีที่ 1 จะถือว่าศึกษาในชั้นปีที่เกินชั้นปีที่ 1)
     5. จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย อันตรายต่อนิสิตแพทย์เอง อุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังต่อไปนี้
          5.1 มีปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือผู้อื่น เช่น โรคจิต (Psychotic Disorders) โรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) โรคประสาทรุนแรง (Severe Neurotic Disorders) โรคบุคลิกภาพผิดปกติ (Personality Disorders) โดยเฉพาะ Antisocial Personality Disorders หรือ Borderline Personality Disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่นๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.2 เป็นโรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.3 เป็นโรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.4 มีความพิการทางร่างกายอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5.5 มีความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
                5.5.1 ตาบอดสีชนิดรุนแรงทั้งสองข้าง โดยได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว
                5.5.2 ระดับการมองเห็นในตาข้างดี แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40
          5.6 มีความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง โดยมีระดับการได้ยินเฉลี่ยที่ความถี่ 500 – 2,000 เฮิรตซ์ สูงกว่า 40 เดซิเบล และความสามารถในการแยกแยะคำพูด (speech discrimination score) น้อยกว่าร้อยละ 70 จากความผิดปกติของประสาทและเซลล์ประสาทการได้ยิน (sensorineural hearing loss)
          5.7 โรคหรือความพิการอื่น ๆ ซึ่งมิได้ระบุไว้ที่คณะกรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกายเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการ ศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทั้งนี้ อาจแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค หรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละกรณี ตรวจเพิ่มเติมได้
     6. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะรับราชการได้เมื่อจบการศึกษา ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้สำหรับข้าราชการพลเรือน การรับราชการจะต้องเข้าระบบการใช้ทุนตามระเบียบของทางราชการ
     7. ก่อนเข้าศึกษาต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียวหรือสัญญาปลายเปิดตามมติคณะ รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2543 คือ เป็นสัญญาที่กำหนดหน้าที่ของผู้รับทุนที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะ กรรมการพิจารณาการจัดสรรฯ โดยต้องทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกันตามระเบียบและเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้ผูกพันให้ส่วนราชการต้องบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ หรือเป็นพนักงานในหน่วยงานของรัฐ

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน    http://med.buu.ac.th/

เตือนตรวจรายชื่อสอบ Gat-Pat เดือนก.ค.ทางเว็บไซต์

สทศ.เตือน นร.ตรวจสอบ รายชื่อสอบแกต-แพต เดือนก.ค.ทางเว็บไซต์www.niets.or.th <ย้ำอย่าลืมพิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบด้วยตนเอง เพื่อนักเรียนจะได้รู้ว่าตนเองสอบที่ไหน พร้อมแนะวิธีการขอผลสอบโอเน็ตนร.ชั้นม.6
(15 มิ.ย.) ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) กล่าวว่า ขณะนี้สทศ.กำลังเปิดให้ผู้สมัครทดสอบความถนัดทั่วไปหรือแกต และทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการหรือแพต ครั้งที่2/2553 ที่จะสอบวันที่ 3- 11 ก.ค. นี้ ให้เข้ามาตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบแกต/แพตทาง เวบไซต์ของสทศ. www.niets.or.th และจะเปิดให้พิมพ์บัตรประจำตัวผู้สอบได้ตั้งแต่ วันที่ 21มิ.ย.2553 ทางเวบไซต์ของสทศ. เช่นกัน ดังนั้น ฝากถึงผู้สมัครขอให้เร่งตรวจสอบรายชื่อและอย่าลืมพิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้า สอบด้วยตนเอง เพื่อนักเรียนจะได้รู้ว่าตนเองสอบที่ไหน
 ทั้งนี้ ส่วนการขอผลการจัดการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ของนักเรียน ม.6 ซึ่งได้ประกาศผลไปแล้ว เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2553 โดยเฉพาะของนักเรียนเทียบเท่า ม.6 เช่น นักเรียน กศน. อาชีวศึกษา นาฎศิลป์ พลศึกษา เป็นต้น ว่าจะขอผลสอบได้อย่างไรนั้น การขอผลโอเน็ตของนักเรียนเทียบเท่า ม. 6 นั้นขอได้ 2 วิธีคือ1. คำร้องด้วยตนเองที่ สทศ. อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 36 ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไทและ2.ยื่นคำร้องส่งมาทางไปรษณีย์
 โดยกรอกแบบฟอร์มขอใบรายงานผลการทดสอบ สำเนาบัตรประชาชนและส่งซองเปล่าติดแสตมป์ จ่าหน้าซองถึงตนเองให้ถูกต้องและชัดเจน ส่งเอกสารมาที่ สทศ. 128 อาคารพญาไทพลาซ่าชั้น 36 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 ส่วนใบรายงานผลการทดสอบโอเน็ตของนักเรียนชั้น ป.6 ,ม.3 และ ม.6 นั้นทางสทศ. ได้ส่งผลไปให้แก่โรงเรียนของนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนักเรียนสามารถติดต่อขอรับใบรายงานผลการสอบ โอเน็ตได้ที่โรงเรียนของตนเอง
Credit  คมชัดลึก

ทุน คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ศิลปากร

ด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร มีความประสงค์จะจัดสรรทุนการศึกษาสำหรับผู้มีสิทธิเข้าศึกษาในโครงการ เทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัญจร ประเภท ก. ประจำปีการศึกษา 2554เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ที่มีผลการเรียนดี โดยมีรายละเอียดดังนี้
เงื่อนไขการให้ทุนการศึกษา
1. จะต้องเป็นผู้ที่มีผลคะแนนการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาตามโครงการเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัญจร ประเภท ก.
ประจำปีการศึกษา 2554 อยู่ในลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 ของแต่ละสาขาวิชา
2. ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา และเข้าศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยศิลปากร ในภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2554
3. หากผู้ได้รับทุนการศึกษาตามข้อ 2 สามารถศึกษาโดยได้เกรดเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป ในทุกปีการศึกษา
ต่อเนื่องกัน จะได้รับทุนการศึกษาดังกล่าวตลอด 4 ปีการศึกษา
4. หากผู้ได้รับทุนการศึกษาตามข้อ 3 พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา ลาพักการศึกษา โอนสังกัดคณะวิชา หรือเปลี่ยน

สาขาวิชาเอก จะถือว่าผู้ได้รับทุนการศึกษาสละสิทธิการรับทุนการศึกษาในภาคการศึกษานั้นๆ

จำนวนทุนการศึกษา
1. สาขาวิชาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 20,000 บาท ต่อปีการศึกษา
2. สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
3. สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
4. สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
5. สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
6. สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
7. สาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
8. สาขาวิชาวิศวกรรมการจัดการ และโลจิสติกส์ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
9. สาขาวิชาวัสดุขั้นสูงและนาโนเทคโนโลยี จำนวน 2 ทุน ทุนละ 20,000 บาท ต่อปีการศึกษา
10. สาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา
11. สาขาวิชาธุรกิจวิศวกรรม จำนวน 2 ทุน ทุนละ 15,000 บาท ต่อปีการศึกษา

รายละเอียดทั้งหมดของประเภท  ก
รายละเอียดทั้งหมดของประเภท  ข

หน้าเว็บหลักการสมัคร  http://www.eng.su.ac.th/

ที่มา  http://quota.eduzones.com/archives/411

รับตรงพิเศษ แพทย์จุฬาฯ 2554


1 โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชนบท  CPIRD  2 โครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน  ODOD  3 โครงการโอลิมปิกวิชาการ ชีววิทยา   รับสมัคร 7 สิงหาคม ถึง 23 กันยายน โดยใช้คะแนน Gat-Pat ครั้งที่ 3 เท่านั้น !!!
รายละเอียด

ที่มา  http://quota.eduzones.com/archives/414

รับตรง แพทยศาสตร์ และ ทันตศาสตร์ ม.ขอนแก่น



ช่องทาง การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษา ในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา 2554

หลักเกณฑ์การรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา 2554 รับตรงโดยวิธีพิเศษ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น( โครงการ MD X,.. MD02,.. และ….โครงการ DTX )


หลักเกณฑ์การคัดกรอง และคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตประจำปีการศึกษา 2554 โครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOD) รับตรงโดยวิธีพิเศษของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

หลักเกณฑ์การรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ประจำปีการศึกษา 2554 โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) รับตรงโดยวิธีพิเศษ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ( โครงการ MD03,..MD04,..MD05 และ MD11)

เว็บไซต์หลัก   http://home.kku.ac.th/admismd/

ที่มา  http://quota.eduzones.com/archives/417

รับตรง มศว กระแสแรง แค่ 7 วันคนสมัคร 11000 กว่าแล้ว

รับตรง มศว กระแสแรง  แค่ 7 วันคนสมัคร  11,000 กว่าแล้ว  คาดการณ์ว่าปีนี้  ก็น่าจะอยู่ที่หลัก 4 หมื่นกว่าเช่นปีก่อน สามารถดูเลขที่นั่งสอบได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2553 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป  
ผู้สมัครที่สมัครวันที่ 7 มิถุนายน 53 และไปจ่ายเงินจำนวน 400 บาทไปแล้วนั้น ขอให้ดำเนินการสมัครใหม่และชำระเงินตามแบบฟอร์มใหม่จำนวน 500 บาท และมหาวิทยาลัยฯ จะดำเนินการคืนเงิน 400 บาทให้ภายหลัง และต้องขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ
ปี 53 ( ปีก่อนนะครับ  ปีนี้ถือว่ารุ่น 2554 ) รับ 2500  มีคนสมัครประมาณ  ……  4  หมื่นคน

รับตรง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2554


มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เตรียมเปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประจำปีการศึกษา 2554
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จะดำเนินการรับสมัครนักเรียนและผู้สนใจสมัคร
คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประจำปีการศึกษา 2554 
ประมาณ 4,500 คน  โควตาประเภทต่างๆ ดังนี้
กลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษ
1.โควตาโอลิมปิกวิชาการ
2.โควตาทุนช้างเผือก
3.โควตาทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์ (สมัครผ่านระบบที่โครงการกำหนด)
4.โควตากีฬา
5.โควตาศิลปวัฒนธรรม
กลุ่มรับตรงตามพื้นที่ (ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย)
1.โควตาพื้นที่บริการ (10 จังหวัดในพื้นที่บริการ)
2.โควตาพื้นที่อีสาน   (9 จังหวัดนอกพื้นที่บริการ)
3.โควตาพื้นที่ภาคอื่น (ทุกจังหวัดนอกพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
กลุ่มความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาต่างๆ
1.โควตาเรียนล่วงหน้า (สำหรับนักเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการเรียนล่วงหน้ากับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)
2.โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท
3.โครงการ YSC
4.โครงการยุววิจัยยางพารา
5.โครงการมหาวิทยาลัย โรงเรียนและชุมชน (USC)
กลุ่มส่งเสริมอัตลักษณ์ของคณะ
1.โควตานักเรียนเรียนดีมีภาวะผู้นำ บำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือสังคม
2.โควตารักษ์เกษตร
3.โครงการพิเศษ
คุณสมบัติผู้สมัคร  : ม.6 / ผลการเรียนเฉลี่ย (ม.4-ม.5) 4 ภาคเรียน / คะแนน GAT -PAT ตามที่สาขากำหนด /
                              คุณสมบัติเฉพาะโควตาบางประเภท
วิธีการสมัคร      : ทุกประเภท  สมัครผ่านระบบรับสมัคร www.entry.ubu.ac.th
วิธีการชำระเงิน : ทุกประเภท ชำระเงินผ่านธนาคาร / ไปรษณีย์ ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
การส่งเอกสาร   : มหาวิทยาลัยฯ จะประกาศให้ผู้สมัครโควตา/โครงการ บางประเภทที่ต้องนำส่งหลักฐานเพื่อตรวจสอบเอกสาร/
                               หลักฐาน ก่อนประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ ดังนี้
                             - โควตาโอลิมปิกวิชาการ , โควตากีฬา  ,โควตาศิลปวัฒนธรรม, โควตานักเรียนเรียนดีมีภาวะผู้นำฯ ,
                               โควตารักษ์เกษตร ,  โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท  , โควตา YSC   , โครงการ USC , 
                               โควตายุววิจัยยางพารา , โควตาเรียนล่วงหน้า 
โปรดติดตามรายละเอียดในการรับสมัคร และช่วงเวลาในการเปิดระบบรับสมัคร

ม.รามฯรับรอบ2สมัคร12-17มิ.ย.-หน่วยกิต25บาท

 

"ผม ยืนยันจะไม่ให้ใคร หรือพรรคการเมืองใดๆ อาศัยมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นที่พักพิงเพื่อผลประโยชน์อื่น นอกเหนือจากการศึกษา ผมไม่เอามหาวิทยาลัยมาเป็นบันไดรับใช้นักการเมือง หากผมยังอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการสูงสุดของที่นี่
ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด ดังนั้นในช่วงบ้านเมืองไม่ปกติ ผมและชุมชนรามคำแหงร่วมกันผลักดันสิ่งไม่ดีงามออกนอกรามฯ และเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนที่จะเดินทางมาสมัครวันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย จึงจำต้องเลื่อนออกไปรวมกับการรับนักศึกษารอบ 2 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน 2553"
 รศ.คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกาศจุดยืนในการปฏิบัติ หน้าที่ "ผู้นำสูงสุดของมหาวิทยาลัยตลาดวิชา" หนึ่งเดียวของประเทศไทย พร้อมแจกแจงว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องขอบคุณประชาคมชาวรามคำแหงและชุมชนรายรอบสถาบันที่ รักสามัคคีกัน จนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ แม้ได้รับแรงกดดันสูง แต่ยืนยันมหาวิทยาลัยรามคำแหงยังคงยึดมั่นในการเป็นสถาบันการศึกษาของชาติ ให้โอกาสและกระจายโอกาสทางการศึกษาแก่คนทุกเพศทุกวัย
 การรับสมัครนักศึกษารอบ 2 ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน 2553 เพื่อให้โอกาสผู้สนใจสมัครเป็นนักศึกษาใหม่ แต่ไม่สามารถสมัครได้ทันตามกำหนดการรับสมัครรอบแรกที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 8-17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และมีผู้สนใจอีกจำนวนหนึ่งที่รอหลักฐานการศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงกำหนดการรับสมัครนัก ศึกษาใหม่เพิ่มเติม พร้อมกันทั้งส่วนกลางที่หัวหมาก
 ส่วนภูมิภาคที่ 21 สาขาวิทยบริการทั่วประเทศ เปิดรับสมัครทั้ง 11 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ บริหารธุรกิจ มนุษยศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยีสื่อสารมวลชน วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
  ขณะที่การรับสมัครนักศึกษารอบแรก ประจำปีการศึกษา2553 มีนักเรียนสนใจสมัครจำนวน 3.5 หมื่นคน นักเรียนเหล่านี้มีสิทธิ์ได้รับทุนเรียนฟรีหากมีการยื่นขอทุน และมีสิทธิยื่นกู้เงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ส่วนทุนเรียนฟรีคณะวิทยาศาสตร์นั้นยังคงให้ทุนเหมือนเดิม เพื่อรองรับการพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ในอนาคต ทั้งนี้นักศึกษาที่ไม่ได้รับทุนก็สามารถเรียนจบได้ เพราะแต่ละภาคเรียนค่าเทอมเพียงพันกว่าบาท เพราะคงค่าหน่วยกิตไว้ 25 บาท ตลอดหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี ค่าเทอมเพียง 8,960 บาท
 "นักศึกษาชั้นปีที่ 1-2 ทุกคนจะได้เรียนรู้ทุกวิชา อาทิ การเมือง การปกครอง ปรัชญา กฎหมาย จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ เพื่อเตรียมพร้อมการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ มีประสบการณ์ สามารถอยู่ร่วมสังคมได้อย่างสันติสุข มีคุณธรรมนำชีวิต เมื่อเรียนปี 3-4 จะเจาะลึกในสาขาวิชาชีพที่เรียน เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ดังนั้นลูกพ่อขุนทุกคนจึงเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความรับผิดชอบสูง ดูแลตัวเองได้เก่ง" อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวในที่สุด
 ตลอดระยะเวลา 6 วัน ของการเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2553 ตั้งแต่วันที่ 12-17 มิถุนายน 2553 สามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ www.iregis.ru.ac.th หรือมาสมัครที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก และสาขาวิทยบริการฯ 21 จังหวัด โทร.0-2310-8614-5, 0-2310-8617-8, 0-2310-8624, www.ru.ac.th

ที่มา  คมชัดลึก

ประวัติฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลโลกฟีฟ่า (FIFA World Cup)

ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลโลกฟีฟ่า (FIFA World Cup)
เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศโดยทีมฟุตบอลชายร่วมเข้าแข่ง จัดการแข่งขันโดยฟีฟ่า (ฟีฟ่ายังคงเป็นผู้จัด ฟุตบอลโลกหญิงเช่นกัน) ฟุตบอลโลกเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2473 ใน ฟุตบอลโลก 1930 และจัดต่อเนื่องมาทุก 4 ปี ยกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942, 1946)
ภายหลังจากการแข่งขันรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะประกอบด้วยทีมชาติ 32 ทีม (เพิ่มจาก 24 ทีมเป็น 32 ทีมใน ฟุตบอลโลก 1998) ร่วมแข่งขันกันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน และได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก โดยใน ฟุตบอลโลก 2002 มีสถิติผู้ชมประมาณ 1,100 ล้านคนทั่วโลก
เมื่อจบการแข่งขันจะมีการมอบรางวัลต่างๆ สำหรับนักฟุตบอลยอดเยี่ยม ดูได้ที่ รางวัลฟุตบอลโลก
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งต่อไป ฟุตบอลโลก 2010 จะถูกจัดขึ้นที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2553 และฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ในปี พ.ศ. 2557
ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลโลกฟีฟ่า (FIFA World Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศโดยทีมฟุตบอลชายร่วมเข้าแข่ง จัดการแข่งขันโดยฟีฟ่า (ฟีฟ่ายังคงเป็นผู้จัด ฟุตบอลโลกหญิงเช่นกัน) ฟุตบอลโลกเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2473 ใน ฟุตบอลโลก 1930 และจัดต่อเนื่องมาทุก 4 ปี ยกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942, 1946)
ภาย หลังจากการแข่งขันรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะประกอบด้วยทีมชาติ 32 ทีม (เพิ่มจาก 24 ทีมเป็น 32 ทีมใน ฟุตบอลโลก 1998) ร่วมแข่งขันกันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน และได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก โดยใน ฟุตบอลโลก 2002 มีสถิติผู้ชมประมาณ 1,100 ล้านคนทั่วโลก
เมื่อจบการแข่งขันจะมีการมอบรางวัลต่างๆ สำหรับนักฟุตบอลยอดเยี่ยม ดูได้ที่ รางวัลฟุตบอลโลก
สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งต่อไป ฟุตบอลโลก 2010 จะถูกจัดขึ้นที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2553 และฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ในปี พ.ศ. 2557

ทวีป ผลงานที่ดีที่สุด
อเมริกาใต้ ชนะเลิศ 9 ครั้ง โดย บราซิล อาร์เจนตินา อุรุกวัย
ยุโรป ชนะเลิศ 9 ครั้ง โดย อิตาลี เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส
อเมริกาเหนือ รอบรองชนะเลิศ สหรัฐอเมริกา (1930)
เอเชีย รอบรองชนะเลิศ เกาหลีใต้ (2002)
แอฟริกา รอบก่อนรองชนะเลิศ แคเมอรูน (1990) และ ซีนีกัล (2002)
โอเชียเนีย รอบ 16 ทีมสุดท้าย ออสเตรเลีย (2006)

อันดับ ผู้เล่น, ทีม ประตูที่ได้ ทัวร์นาเมนต์ / เกมที่ลงเล่น
1 โรนัลโด้, บราซิล 15 4 ครั้ง 1994 1998 2002 2006 (18 นัด, ไม่ได้ลงเล่นใน 1994)
2 เกิร์ด มุลเลอร์, เยอรมนี 14 2 ครั้ง 1970 1974 (14 นัด)
3 ชุสต์ ฟงแตน, ฝรั่งเศส 13 1 ครั้ง 1958 (6 นัด)
4 เปเล่, บราซิล 12 4 ครั้ง 1958 1962 1966 1970 (14 นัด)
5 ซานดอร์ โคซ์ชิส, ฮังการี 11 1 ครั้ง 1954 (5 นัด)
5 เยอร์เกน คลินส์มัน, เยอรมนี 11 3 ครั้ง 1990 1994 1998 (17 นัด)

credit : th.wikipedia.org

ข้อมูลทุนรัฐบาลญี่ปุ่น 2554

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกและเสนอชื่อนักเรียน ไทยเพื่อมอบทุนการ ศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่ผู้ที่มีความประสงค์ไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นใน ระดับอุดมศึกษา และในสถาน ศึกษาชั้นสูงของญี่ปุ่น


ประกาศเปิดรับสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทนักศึกษาวิจัยและนักศึกษาปริญญาตรี ประจำปีพ.ศ.2554



1.ระดับปริญญาตรี

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไป ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษาต่างชาติ เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 10 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 22 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษา 12 ปี ระยะเวลารับทุนการศึกษา 5 ปี และ 7 ปี สำหรับคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทย ศาสตร์ (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี )

2. ระดับนักศึกษาวิจัย

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไป ศึกษาวิจัยในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษาวิจัยต่าง ชาติเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 50 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 35 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีระยะเวลา รับทุนการศึกษา 2 ปี (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่นครึ่งปี) แต่ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่ศึกษาไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรปริญญาโท หลักสูตรปริญญาเอก หรือหลักสูตรการศึกษาวิชาเฉพาะทางกำหนดให้ระยะเวลารับทุนการศึกษาจนกว่าจะ สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรนั้นๆ

3. ทุนญี่ปุ่นศึกษา

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไปศึกษา แลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษาต่างชาติเพื่อไปเพิ่มพูน ทักษะความรู้ภาษาญี่ปุ่น และศึกษาวัฒนธรรม สภาพสังคมเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 5 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 30 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย และศึกษาภาษาญี่ปุ่น หรือวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นวิชาเอก ระยะเวลารับทุนการศึกษา 1 ปี

4. ทุนอบรมวิชาชีพครู

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกครูในสังกัดกระทรวง ศึกษาธิการเพื่อไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับด้านการศึกษาที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 10 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 35 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์ในวิชาชีพมาไม่น้อยกว่า 5 ปี สอนในระดับประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษาหรือสอนในสถาบันพัฒนาอาชีพครู ระยะเวลารับทุนการศึกษา 1 ปี 6 เดือน (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่นครึ่งปี)

5.ทุนวิทยาลัยเทคนิค

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไป ศึกษาในวิทยาลัยเทคนิคที่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษาต่างชาติเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 2 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 22 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในปีที่ 11 ขึ้นไปนับจากประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษา 12 ปี ระยะเวลารับทุนการศึกษา 4 ปี (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี)

6. ทุนฝึกอบรมวิชาชีพ

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไป ศึกษาในสถาบันอาชีวะศึกษาที่ญี่ปุ่นในฐานะนักศึกษาต่างชาติเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 2 ทุน ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 22 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษา 12 ปี หรือสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรตามที่สถาบันอาชีวะศึกษา ของญี่ปุ่นให้การยอมรับ ระยะเวลารับทุนการศึกษา 3 ปี (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี)

7. Young Leaders' Program

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจะคัดเลือกข้าราชการสามัญ ผู้ซึ่งเป็นอนาคตในการพัฒนาประเทศไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ที่ญี่ปุ่น ทุนแบ่งออกเป็น 5 สาขาวิชาคือ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาการปกครองส่วนท้องถิ่น สาขาวิชาการบริหารทางแพทยศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชานิติศาสตร์ ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 40 ปี (ไม่เกิน 35 ปีสำหรับสาขาวิชาบริหารธุรกิจ) จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์การทำงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลมามากกว่า 3-5 ปี (คุณสมบัติจะแตกต่างไปตามสาขาที่สมัคร) ทั้งนี้ผู้สมัครต้องได้รับการเสนอชื่อจากหน่วยงาน หรือองค์กรที่สังกัด


*กรุณาตรวจสอบเงื่อนไข และรายละเอียดของทุนแต่ละประเภทก่อนสมัคร

รายละเอียดทั้งหมด  http://www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/study.htm




ที่มา  http://www.unigang.com/Article/2485
loading...

Facebook

นิยม

บทความ

loading...