แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออกกำลังกาย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ออกกำลังกาย แสดงบทความทั้งหมด
ออกกำลังกายตอนไหนถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ผลการวิจัย เกี่ยวกับระบบการหายใจ จังหวะการทำงานของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย และระดับฮอร์โมน บอกไว้อย่างนึงว่า ให้ออกกำลังกายช่วง 6 โมงเย็น (18 นาฬิกา) ในขณะที่การสำรวจเก็บข้อมูลสำหรับ พฤติกรรมการออกกำลังกาย บอกอีกอย่างนึงว่า การออกกำลังกายในตอนเช้า จะช่วยในเรื่องอื่นๆได้ดีกว่า นอกจากไอ้ผลสองผลนี้แล้ว ก็ยังมีผลการนั่นการนี่ อีกนับสิบเรื่อง บอกว่าออกกำลังกายช่วงนี้ดี ช่วงนั้นไม่ดีอย่างไร ชักจะสับสนแล้วสิ ตกลงแล้วเราควรออกกำลงกายตอนไหนดี เอาละครับ มาดูกันดีกว่า ว่าแต่ละช่วงของวันนั้น มันดีหรือไม่ดีอย่างไร (ยาวหน่อย แต่มีประโยชน์ดีนะครับ)
ช่วงเช้า
ข้อดี:
* การออกกำลังกายช่วงเช้า ทำให้คุณสามารถกำหนดเวลาที่จะออกกำลังกายได้ง่ายกว่าช่วงอื่น จะมีโอกาสที่ถูกขัดจังหวะจากสิ่งอื่นๆ ได้น้อย เทียบกับช่วงอื่น เช่น ถ้าคุณจะออกกำลังกายตอนบ่าย บางทีอาจจะมีเรื่องงาน หรือเรื่องอะไรซักอย่างในชีวิตประจำวัน ที่จำเป็นต้องไปทำตอนนั้นเข้ามาแทรกได้ง่ายกว่า หรือถ้าจะออกช่วงค่ำ โอกาสที่ตอนเย็นจะโดนเพื่อนร่วมงาน ชวนแกมบังคับให้ออกไปสังสรรค์ แล้วพลาดโอกาสในการออกกำลังกายในวันนั้นๆไป ก็มีได้มาก
* การจัดสรรค์เวลาเพื่อออกกำลังกายในตอนเช้าก็ทำได้ง่าย เพียงแค่ปรับเวลาตื่นนอนให้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง
* การออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญพลังงานในระหว่างวัน อันนี้มีผลการวิจัยออกมาแล้ว ว่าจะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
* ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หลังจากออกกำลังกายอย่างถูกต้องในตอนเช้าแล้ว ร่างกายจะตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าไปอีกหลายชั่วโมง อันเป็นผลจากการที่ร่างกายถูกกระตุ้น และการที่ระดับฮอร์โมนหลังการออกกำลังกาย มีการเปลี่ยนแปลง ต้องเน้นตรงการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมนิดนึงนะครับ เพราะบางคนออกกำลังกายมากไป หรือพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงเช้า อาจจะส่งผลกลับกันคือทำให้เพลียได้
* ในช่วงเช้ามลพิษในอากาศนั้นยังมีน้อยอยู่ เทียบกับช่วงอื่นๆในระหว่างวัน เมื่อร่างกายออกกำลังกาย ต้องการอากาศอย่างมาก ทั้งในระหว่างการออกกำลังกาย และหลังกายออกกำลังกาย การที่สูบอากาศที่ดีกว่าเข้าไป ย่อมดีกว่าอากาศที่ปะปนมลพิษที่เพิ่มขึ้นแล้วในระหว่างวันหรือช่วงเย็น
ข้อเสีย:
* ระดับอุณหภูมิในร่างกาย จะมีช่วงที่ต่ำที่สุดในช่วง 1-3 ชม. ก่อนที่เราจะตื่น อันมีผลทำให้ในตอนเช้าระดับพลังงานในร่างกายและกระแสเลือดจะมีค่าต่ำ การไหลเวียนของกระแสเลือดก็น้อยกว่าในช่วงอื่นด้วย
* ความเย็นในช่วงเช้า อาจจะมีผลต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อระหว่างออกกำลังกายได้ ในจุดนี้ต้องอบอุ่นร่างกายให้พร้อมก่อน ก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายหนักในเวลาต่อมา แล้วก็ควรจะมีการยืดเส้น ทำการ stretching ก่อนออกกำลังกาย จะช่วยได้มาก
* อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ทางจิตใจเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ชอบตื่นเช้า ถ้าหากต้องทรมานมาตื่นเช้า เพื่อออกกำลังกายแล้ว แทนที่จะรู้สึกดี อาจจะยิ่งทำให้แย่ หรือยิ่งเบื่อการออกกำลังกาย
* ระดับอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนในร่างกาย ช่วงบ่ายค่อนเย็น จะมีค่าสูงกว่า ซึ่งจะมีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน ด้วยระดับการออกกำลังกายที่เท่ากัน แต่เล่นในช่วงบ่ายหรือเย็น จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า
เที่ยงและช่วงพัก
ข้อดี:
* ระดับอุณหภูมิของร่างกาย และระดับฮอร์โมน สูงกว่าในช่วงเช้า
* จะช่วยในการควบคุมความรู้สึกต้องการอาหารในมื้อเที่ยงได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความต้องการ ในการกินอาหารจุบจิบช่วงพักได้ (อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับทุกคน)
* เพิ่มระดับการไหลเวียนของกระแสเลือดในร่างกาย ทำให้กระปรี้กระเปร่าในช่วงบ่าย (เช่นกับตอนเช้า เงื่อนไขคือต้องเป็นการออกกำลังกาย ที่ถูกต้องและพอดี ไม่เช่นนั้นอาจจะให้ผลตรงกันข้าม)
* ผ่อนคลายความเครียด จากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* ด้วยเวลาที่จำกัดในช่วงเที่ยง ก็จะไม่สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่นัก
* ภาระ กิจและความรับผิดชอบ หน้าที่อื่นๆ ในการทำงาน อาจจะทำให้สมาธิไม่อยู่กับการออกกำลังกายได้เต็มที่ จนอาจจะถึงกระทั่ง บางทีต้องยกเลิกคิวออกกำลังกาย ที่ตั้งใจไว้ เพราะติดงานเข้ามาแทรก
* มีผลวิจัยค้นพบว่าในช่วงเที่ยงนั้น ระบบหายใจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าช่วงอื่น สำหรับการออกกำลังกายด้วยการเดินนั้นอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างอะไร แต่สำหรับการออกกำลังกายหนักๆ หรือผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ จะมีผลต่างกันราว 15-20% เลยทีเดียว
บ่าย
ข้อดี:
* มีผลการวิจัย ทดสอบออกมาว่า ช่วงเวลาบ่าย (สามโมงถึงทุ่ม) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการออกกำลังกาย ทั้งแบบเพิ่มความอดทน (endurance) และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ)
* คนส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนสูงสุดที่เวลาประมาณ หกโมงเย็น การออกกำลังกายในช่วง 3 ชม. ก่อนหรือหน้าช่วงนั้น เป็นช่วงที่ดีที่สุด
* มีผลการวิจัยระบุว่าระบบการหายใจจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วง สี่ถึงห้าโมงเย็น
* กล้ามเนื้อในช่วงนี้ของวัน จะอบอุ่นและยืดหยุ่น พร้อมกับการออกกำลังกายได้มากที่สุด
* จะมีส่วนช่วยในการควบคุมความรู้สึกอยากอาหารในมื้อเย็นได้ดีขึ้น
* ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย คลายเครียดจากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* บ่อยครั้งที่เรื่องหน้าที่การงานมักจะเข้ามาแทรก ทำให้หาเวลาในช่วงเย็นสำหรับออกกำลังกายได้ยาก และบ่อยครั้งที่แม้คุณจะตั้งใจไว้แล้วว่าในช่วงเย็นจะไปออกกำลังกาย แต่มีงานด่วน หรือมีนัดสำคัญ หรือเพื่อนๆ มาชวนไปสังสรรค์ในช่วงค่ำ จนทำให้ต้องไม่มีเวลาออกกำลังกายไปในที่สุด
ช่วงเย็นถึงค่ำ
ข้อดี:
* คนส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนสูงสุดที่เวลาประมาณ หกโมงเย็น การออกกำลังกายในช่วง 3 ชม. ก่อนหรือหน้าช่วงนั้น เป็นช่วงที่ดีที่สุด
* กล้ามเนื้อจะอบอุ่นและยืดหยุ่น พร้อมกับการออกกำลังกาย
* จะมีส่วนช่วยในการควบคุมความรู้สึก อยากอาหารในมื้อเย็นได้ดีขึ้น
* ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย คลายเครียด จากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* ปัญหาแรกคือจะคล้ายกับช่วงบ่าย คือเรื่องเวลาอาจจะถูกรบกวน โดยงานที่ต้องทำยันเย็นยันมืด หรือนัดพิเศษที่คุณเลี่ยงมันไม่ได้ นั่นอาจจะทำให้เวลาที่สุดแสนจะน่าออกกำลังกาย สำหรับคุณต้องมลายหายไป
* ควรต้องพักประมาณหนึ่งถึงสามชั่วโมง หลังจากการออกกำลังกาย ก่อนที่จะเข้านอน เพราะหากออกกำลังกายแล้วจะนอนทันที ร่างกายอาจจะยังรู้สึกตื่นตัว และส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่สนิท ซึ่งก็จะมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย
* หากเป็นการออกกำลังกายประเภทนอกสถานที่ จะทำได้ลำบาก ... เพราะมันมืดแล้วนั่นเอง
แล้วเวลาไหนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
อันดับแรกๆเลย ก็ต้องเป็นเวลาที่คุณสะดวกที่สุด จะเห็นว่าทุกๆช่วงเวลาในแต่ละวัน จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป นี่เป็นข้อดีข้อเสียทั่วๆ ไปเท่านั้น คุณๆแต่ละคนเอง ก็อาจจะมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง ต่อช่วงเวลาต่างๆ ที่แตกต่างกันไปอีก ตามหน้าที่การงาน อาชีพ และชีวิตส่วนตัว ดังนั้นอันดับต้นๆ เลย เวลาที่ดีที่สุด ก็คือเวลาที่คุณสะดวก และพร้อมที่จะออกกำลังกาย
ต่อให้เวลาไหนดีเลิศยังไง แต่ถ้าหากหาเวลาไปเล่นช่วงนั้นไม่ได้ แล้วทำให้เราเสียโอกาสที่จะออกกำลังกายในวันนั้นไป มันจะมีประโยชน์อะไร เวลาที่ดีที่สุด คือเวลาที่เราได้ออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบกาณ์ทางการออกกำลังกายหลายต่อหลายคนล้วนยืนยันเหมือน กันสิ่งนึง ช่วงเวลาไม่มีผลสำคัญอะไร เท่ากับว่าคุณจะหาเวลาออกกำลังกายได้หรือไม่ นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด จะเวลาไหนก็เถอะครับ ขอให้ได้ออกกำลังกาย
ที่มา
ช่วงเช้า
ข้อดี:
* การออกกำลังกายช่วงเช้า ทำให้คุณสามารถกำหนดเวลาที่จะออกกำลังกายได้ง่ายกว่าช่วงอื่น จะมีโอกาสที่ถูกขัดจังหวะจากสิ่งอื่นๆ ได้น้อย เทียบกับช่วงอื่น เช่น ถ้าคุณจะออกกำลังกายตอนบ่าย บางทีอาจจะมีเรื่องงาน หรือเรื่องอะไรซักอย่างในชีวิตประจำวัน ที่จำเป็นต้องไปทำตอนนั้นเข้ามาแทรกได้ง่ายกว่า หรือถ้าจะออกช่วงค่ำ โอกาสที่ตอนเย็นจะโดนเพื่อนร่วมงาน ชวนแกมบังคับให้ออกไปสังสรรค์ แล้วพลาดโอกาสในการออกกำลังกายในวันนั้นๆไป ก็มีได้มาก
* การจัดสรรค์เวลาเพื่อออกกำลังกายในตอนเช้าก็ทำได้ง่าย เพียงแค่ปรับเวลาตื่นนอนให้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง
* การออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญพลังงานในระหว่างวัน อันนี้มีผลการวิจัยออกมาแล้ว ว่าจะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
* ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หลังจากออกกำลังกายอย่างถูกต้องในตอนเช้าแล้ว ร่างกายจะตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าไปอีกหลายชั่วโมง อันเป็นผลจากการที่ร่างกายถูกกระตุ้น และการที่ระดับฮอร์โมนหลังการออกกำลังกาย มีการเปลี่ยนแปลง ต้องเน้นตรงการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมนิดนึงนะครับ เพราะบางคนออกกำลังกายมากไป หรือพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงเช้า อาจจะส่งผลกลับกันคือทำให้เพลียได้
* ในช่วงเช้ามลพิษในอากาศนั้นยังมีน้อยอยู่ เทียบกับช่วงอื่นๆในระหว่างวัน เมื่อร่างกายออกกำลังกาย ต้องการอากาศอย่างมาก ทั้งในระหว่างการออกกำลังกาย และหลังกายออกกำลังกาย การที่สูบอากาศที่ดีกว่าเข้าไป ย่อมดีกว่าอากาศที่ปะปนมลพิษที่เพิ่มขึ้นแล้วในระหว่างวันหรือช่วงเย็น
ข้อเสีย:
* ระดับอุณหภูมิในร่างกาย จะมีช่วงที่ต่ำที่สุดในช่วง 1-3 ชม. ก่อนที่เราจะตื่น อันมีผลทำให้ในตอนเช้าระดับพลังงานในร่างกายและกระแสเลือดจะมีค่าต่ำ การไหลเวียนของกระแสเลือดก็น้อยกว่าในช่วงอื่นด้วย
* ความเย็นในช่วงเช้า อาจจะมีผลต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อระหว่างออกกำลังกายได้ ในจุดนี้ต้องอบอุ่นร่างกายให้พร้อมก่อน ก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายหนักในเวลาต่อมา แล้วก็ควรจะมีการยืดเส้น ทำการ stretching ก่อนออกกำลังกาย จะช่วยได้มาก
* อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ทางจิตใจเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ชอบตื่นเช้า ถ้าหากต้องทรมานมาตื่นเช้า เพื่อออกกำลังกายแล้ว แทนที่จะรู้สึกดี อาจจะยิ่งทำให้แย่ หรือยิ่งเบื่อการออกกำลังกาย
* ระดับอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนในร่างกาย ช่วงบ่ายค่อนเย็น จะมีค่าสูงกว่า ซึ่งจะมีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน ด้วยระดับการออกกำลังกายที่เท่ากัน แต่เล่นในช่วงบ่ายหรือเย็น จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า
เที่ยงและช่วงพัก
ข้อดี:
* ระดับอุณหภูมิของร่างกาย และระดับฮอร์โมน สูงกว่าในช่วงเช้า
* จะช่วยในการควบคุมความรู้สึกต้องการอาหารในมื้อเที่ยงได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความต้องการ ในการกินอาหารจุบจิบช่วงพักได้ (อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับทุกคน)
* เพิ่มระดับการไหลเวียนของกระแสเลือดในร่างกาย ทำให้กระปรี้กระเปร่าในช่วงบ่าย (เช่นกับตอนเช้า เงื่อนไขคือต้องเป็นการออกกำลังกาย ที่ถูกต้องและพอดี ไม่เช่นนั้นอาจจะให้ผลตรงกันข้าม)
* ผ่อนคลายความเครียด จากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* ด้วยเวลาที่จำกัดในช่วงเที่ยง ก็จะไม่สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่นัก
* ภาระ กิจและความรับผิดชอบ หน้าที่อื่นๆ ในการทำงาน อาจจะทำให้สมาธิไม่อยู่กับการออกกำลังกายได้เต็มที่ จนอาจจะถึงกระทั่ง บางทีต้องยกเลิกคิวออกกำลังกาย ที่ตั้งใจไว้ เพราะติดงานเข้ามาแทรก
* มีผลวิจัยค้นพบว่าในช่วงเที่ยงนั้น ระบบหายใจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าช่วงอื่น สำหรับการออกกำลังกายด้วยการเดินนั้นอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างอะไร แต่สำหรับการออกกำลังกายหนักๆ หรือผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ จะมีผลต่างกันราว 15-20% เลยทีเดียว
บ่าย
ข้อดี:
* มีผลการวิจัย ทดสอบออกมาว่า ช่วงเวลาบ่าย (สามโมงถึงทุ่ม) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการออกกำลังกาย ทั้งแบบเพิ่มความอดทน (endurance) และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ)
* คนส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนสูงสุดที่เวลาประมาณ หกโมงเย็น การออกกำลังกายในช่วง 3 ชม. ก่อนหรือหน้าช่วงนั้น เป็นช่วงที่ดีที่สุด
* มีผลการวิจัยระบุว่าระบบการหายใจจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วง สี่ถึงห้าโมงเย็น
* กล้ามเนื้อในช่วงนี้ของวัน จะอบอุ่นและยืดหยุ่น พร้อมกับการออกกำลังกายได้มากที่สุด
* จะมีส่วนช่วยในการควบคุมความรู้สึกอยากอาหารในมื้อเย็นได้ดีขึ้น
* ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย คลายเครียดจากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* บ่อยครั้งที่เรื่องหน้าที่การงานมักจะเข้ามาแทรก ทำให้หาเวลาในช่วงเย็นสำหรับออกกำลังกายได้ยาก และบ่อยครั้งที่แม้คุณจะตั้งใจไว้แล้วว่าในช่วงเย็นจะไปออกกำลังกาย แต่มีงานด่วน หรือมีนัดสำคัญ หรือเพื่อนๆ มาชวนไปสังสรรค์ในช่วงค่ำ จนทำให้ต้องไม่มีเวลาออกกำลังกายไปในที่สุด
ช่วงเย็นถึงค่ำ
ข้อดี:
* คนส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิในร่างกาย และระดับฮอร์โมนสูงสุดที่เวลาประมาณ หกโมงเย็น การออกกำลังกายในช่วง 3 ชม. ก่อนหรือหน้าช่วงนั้น เป็นช่วงที่ดีที่สุด
* กล้ามเนื้อจะอบอุ่นและยืดหยุ่น พร้อมกับการออกกำลังกาย
* จะมีส่วนช่วยในการควบคุมความรู้สึก อยากอาหารในมื้อเย็นได้ดีขึ้น
* ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย คลายเครียด จากการทำงาน การเรียน หรือการทำงานบ้าน
ข้อเสีย:
* ปัญหาแรกคือจะคล้ายกับช่วงบ่าย คือเรื่องเวลาอาจจะถูกรบกวน โดยงานที่ต้องทำยันเย็นยันมืด หรือนัดพิเศษที่คุณเลี่ยงมันไม่ได้ นั่นอาจจะทำให้เวลาที่สุดแสนจะน่าออกกำลังกาย สำหรับคุณต้องมลายหายไป
* ควรต้องพักประมาณหนึ่งถึงสามชั่วโมง หลังจากการออกกำลังกาย ก่อนที่จะเข้านอน เพราะหากออกกำลังกายแล้วจะนอนทันที ร่างกายอาจจะยังรู้สึกตื่นตัว และส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่สนิท ซึ่งก็จะมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย
* หากเป็นการออกกำลังกายประเภทนอกสถานที่ จะทำได้ลำบาก ... เพราะมันมืดแล้วนั่นเอง
แล้วเวลาไหนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
อันดับแรกๆเลย ก็ต้องเป็นเวลาที่คุณสะดวกที่สุด จะเห็นว่าทุกๆช่วงเวลาในแต่ละวัน จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป นี่เป็นข้อดีข้อเสียทั่วๆ ไปเท่านั้น คุณๆแต่ละคนเอง ก็อาจจะมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง ต่อช่วงเวลาต่างๆ ที่แตกต่างกันไปอีก ตามหน้าที่การงาน อาชีพ และชีวิตส่วนตัว ดังนั้นอันดับต้นๆ เลย เวลาที่ดีที่สุด ก็คือเวลาที่คุณสะดวก และพร้อมที่จะออกกำลังกาย
ต่อให้เวลาไหนดีเลิศยังไง แต่ถ้าหากหาเวลาไปเล่นช่วงนั้นไม่ได้ แล้วทำให้เราเสียโอกาสที่จะออกกำลังกายในวันนั้นไป มันจะมีประโยชน์อะไร เวลาที่ดีที่สุด คือเวลาที่เราได้ออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบกาณ์ทางการออกกำลังกายหลายต่อหลายคนล้วนยืนยันเหมือน กันสิ่งนึง ช่วงเวลาไม่มีผลสำคัญอะไร เท่ากับว่าคุณจะหาเวลาออกกำลังกายได้หรือไม่ นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด จะเวลาไหนก็เถอะครับ ขอให้ได้ออกกำลังกาย
ที่มา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
loading...
นิยม
บทความ
-
►
2017
(43)
- ► กุมภาพันธ์ (7)
-
►
2016
(362)
- ► กุมภาพันธ์ (13)
-
►
2015
(77)
- ► กุมภาพันธ์ (6)
-
►
2014
(192)
- ► กุมภาพันธ์ (5)
-
►
2013
(57)
- ► กุมภาพันธ์ (5)
-
►
2012
(194)
- ► กุมภาพันธ์ (2)
-
►
2011
(272)
- ► กุมภาพันธ์ (43)
-
►
2010
(873)
- ► กุมภาพันธ์ (60)
loading...