แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ก้อย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ก้อย แสดงบทความทั้งหมด
ยิ้มใสใส กับ คณะทันตแพทย์ ม.รังสิต
Skoolbuz เชื่อว่าน้องๆ หลายคนมีความใฝ่ฝันอยากเป็นแพทย์ เพราะวิชาชีพนี้สามารถนำความรู้ที่เรียนไปช่วยเหลือคนได้เป็นจำนวนมาก แต่แพทย์ก็มีหลากหลายสาขาให้เลือกเรียนแตกต่างตามความสนใจของแต่ละคน ซึ่งในวันนี้เราจะพาน้องๆ ไปเยี่ยมชมสาขาหนึ่งของการแพทย์ที่มีน้องๆ หลายคนสนใจและอยากเข้าไปศึกษาในคณะนี้ "คณะทันตแพทยศาสตร์" พร้อมเยี่ยมชมการเรียนการสอนที่ทันสมัยของสาขานี้ในยุคปัจจุบัน โดยครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการถ่ายทอดเรื่องราวของการเป็นนักศึกษาทัณตแททย์ และเปิดคณะต้อนรับให้เราเยี่ยมชมด้วยความเป็นกันเอง ผ่านตัวแทนนักศึกษา ว่าที่ทัณตแพทย์ในอนาคต
สำหรับน้องๆ คนไหนที่เคยกลัวการไปหาหมอฟัน พอได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ในเรื่องมุมมองของพี่ๆ นักศึกษาทัณตแพทย์ อาจทำให้หายกลัวและอยากไปหาหมอฟันกันเป็นประจำแน่ๆ และไม่แน่นะ พี่ๆ Skoolbuz เชื่อว่าอาจทำให้เหลายคนเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นหมอฟันกันขึ้นมาเลยทีเดียว ว่าแล้วเราไปติดตามกันได้เล้ย...
แนะนำตัวกับชาว Skoolbuz หน่อย
เนส : น.ทพ. ณัฐพล เรละมัน นักศึกษาชั้นปี่ที่ 5 คณะ ทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย รังสิต
ก้อย : น.ทพ. วิชาญา ทัศนาวิวัฒน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 6 คณะ ทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย รังสิต
คณะนี้เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า
เนส : ผมเรียนสาย วิทย์ - คณิต มาอยู่แล้ว และก็ชอบทางด้านวิทยาศาสตร์มาก ก็เลยมองว่าอย่างไรแล้วการเลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัยก็คงต้องมาทางสายนี้แน่นอน พอดีมีโอกาสมาสอบคณะทัณตแพทย์ที่นี่ ผลออกมาก็คือได้คณะนี้สมใจครับ
ก้อย : ของก้อยจะต่างกับน้องเนส คือ ก้อยจบมัธยมจากต่างประเทศมา คิดว่าพอต้องมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองไทย สอบอย่างไรก็คงไม่ติดเพราะตัวเองไม่เก่งอะไรเลย ทั้ง ฟิสิกส์ และเคมี แต่ก็ค้นพบตัวเองว่าชอบเรียน ทางด้าน ชีวะวิทยา ยังอยากเรียนสายวิทย์อยู่ ก็เลยสอบเข้าไปเรียนที่ มหิดล อินเตอร์ สาขา ชีวะการแพทย์ (Bio medical science) พอเรียนไปสักพักเลยรู้ตัวว่าเราไม่อยากทำงานในห้องแล็บ (Lab) อยากได้อยู่กับคนไข้มากกว่าเลยมาเจอคณะนี้ได้ลองสมัครสอบ และมาสัมภาษณ์ดู ปรากฏว่าได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ
ก้อย : ของก้อยจะต่างกับน้องเนส คือ ก้อยจบมัธยมจากต่างประเทศมา คิดว่าพอต้องมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองไทย สอบอย่างไรก็คงไม่ติดเพราะตัวเองไม่เก่งอะไรเลย ทั้ง ฟิสิกส์ และเคมี แต่ก็ค้นพบตัวเองว่าชอบเรียน ทางด้าน ชีวะวิทยา ยังอยากเรียนสายวิทย์อยู่ ก็เลยสอบเข้าไปเรียนที่ มหิดล อินเตอร์ สาขา ชีวะการแพทย์ (Bio medical science) พอเรียนไปสักพักเลยรู้ตัวว่าเราไม่อยากทำงานในห้องแล็บ (Lab) อยากได้อยู่กับคนไข้มากกว่าเลยมาเจอคณะนี้ได้ลองสมัครสอบ และมาสัมภาษณ์ดู ปรากฏว่าได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ
คณะนี้มีวิธีรับนักศึกษาเข้าเรียนอย่างไร
เนส : มหาวิทยาลัยรังสิตนั้นในส่วนของคณะเภสัช ทันตแพทย์ และแพทย์ศาสตร์ จะมีการรับสอบตรง ซึ่งจะเปิดช่วงเดือน ตุลาคม และมีนาคม อีกวิธีก็คือ รับจากคะแนนแอดมิชชั่น
การเตรียมตัวมาสอบที่นี่ต้องเตรียมตัวในวิชาอะไรเป็นพิเศษ
ก้อย : ก็เป็นวิชาพื้นฐานทั่วไปเลยค่ะ เช่น วิทย์ คณิต แล้วก็มีสอบวิชาทางความถนัด ในเรื่องของศิลปะการใช้มือ การลองใช้เครื่องมือต่างๆ เพราะทันตแพทย์เป็นเรื่องของความถนัดทั้งทางด้านศาสตร์ และศิลป์
คณะนี้มีการรับน้องอย่างไร และมีกิจกรรมอะไรสนุกๆ บ้างที่ต้องทำร่วมกับทางมหาวิทยาลั
เนส : คณะเราก็รับน้องแบบที่อื่นๆ ทั่วไป รุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง มีการแบ่งสายรหัส เลี้ยงสายรหัสกันครับ ก็จะอยู่กันแบบพี่น้อง
ก้อย : ในส่วนของกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยนั้น ก็มี Freshy day Freshy night, งานขอบคุณรุ่นพี่ แล้วพวกเราก็เป็นรุ่นแรกๆ ก็เลยสนิทกันหมดเพราะต้องช่วยเหลือกันในด้านการเรียน และก็ต้องช่วยกันในเรื่องของการสอบใบประกอบโรคศิลป์
ก้อย : ในส่วนของกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยนั้น ก็มี Freshy day Freshy night, งานขอบคุณรุ่นพี่ แล้วพวกเราก็เป็นรุ่นแรกๆ ก็เลยสนิทกันหมดเพราะต้องช่วยเหลือกันในด้านการเรียน และก็ต้องช่วยกันในเรื่องของการสอบใบประกอบโรคศิลป์
ในแต่ละชั้นปีเรียนอะไรกันบ้าง
เนส : ปี 1-3 ก็เรียนวิชาทางด้านสายวิทยาศาตร์เยอะ แต่มีวิชาแขนงอื่นๆ บ้าง เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ แต่ในช่วงนี้ก็จะเริ่มได้เรียนวิชาพื้นฐานทางด้านทัณตแพทย์ที่ชื่อว่า Dental anatomy เรียนเกี่ยวกับกายวิภาคของฟันว่าแต่ละซี่เรียกว่าอะไร ฟันทุกซี่จะมีลักษณะเฉพาะ หลังจากนั้นพอขึ้นปี 4 จะเรียนกันแบบเข้มข้นมาก เรียนทุกด้านของทันตแพทย์ ทั้งแล็บ และเล็คเชอร์ เพราะทันตแพทย์ต้องเก่งทั้งศาสตร์และศิลป์ จากนั้นก็เริ่มเรียนสายวิชาชีพมากเรื่อยๆ พอขึ้นปี 5 ก็เริ่มได้เข้ามาทำงานจริงที่คลินิก ได้สัมผัสกับคนไข้จริงๆ
ทันตแพทย์ต้องเก่งทั้งทางด้านศาสตร์ และศิลป์ อยากให้ลองอธิบายว่าต้องเรียนกันอย่างไร
ก้อย : สำหรับก้อยเองเป็นคนที่วาดรูปไม่เก่งเลย ไม่มีจินตนาการ และก็ไม่ได้เรียนเก่งมากมาย แต่ก้อยก็อยากบอกน้องๆ ที่สนใจแต่คิดว่าตัวเองจะเรียนไม่ไหวว่า ขอแค่ให้คิดว่าเรามีพรแสวง และความพยายาม เราก็ใช้จุดนั้นจดจำจากการอ่านหนังสือ การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในห้องเรียน และที่สำคัญคือ การฝึกฝน ซึ่งเวลาที่ตัวก้อยเองต้องหล่อแบบ และแกะสลักพิมพ์ฟัน ต้องวาดรูปขึ้นมาก่อน เราก็ไม่จำเป็นต้องวาดให้ได้ขนาดอาร์ทติส ขอแค่ให้วาดออกมาให้ดีที่สุด ก้อยเชื่อว่าใครๆ ก็เรียนได้ขอแค่ให้พยายาม
เนส : งานในห้องแล็บที่ต้องทำเกี่ยวกับฟัน นักศึกษาทุกคนก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ทุกคนก็ยังใหม่กันทั้งนั้น แต่เราก็ต้องอาศัยความเชยชิน ในการที่เราได้ฝึกฝนบ่อยๆ พวกเราไม่ได้เรียนนิดเดียวเดียวแล้วก็ทำได้เลย เราใช้เวลาเรียนกันเป็นปีๆ กว่าจะได้งานออกมาขนาดนี้
เนส : งานในห้องแล็บที่ต้องทำเกี่ยวกับฟัน นักศึกษาทุกคนก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ทุกคนก็ยังใหม่กันทั้งนั้น แต่เราก็ต้องอาศัยความเชยชิน ในการที่เราได้ฝึกฝนบ่อยๆ พวกเราไม่ได้เรียนนิดเดียวเดียวแล้วก็ทำได้เลย เราใช้เวลาเรียนกันเป็นปีๆ กว่าจะได้งานออกมาขนาดนี้
พอขึ้นปี 5 และ 6 ต้องเข้าไปอยู่ในคลินิก
เนส : พอเข้าปี 5 ทุกคนก็ต้องเข้าไปทำงานจริงในคลินิก ได้เจอกับคนไข้ ได้ลองรักษาเขาตามกระบวนการรักษาแบบเป็นขั้นเป็นตอน
ก้อย : ที่นี่จะมีจุดเด่นคือ คณะเราเมื่อคนไข้เข้ามาคนหนึ่งคน เราจะเริ่มดูแลเขาตั้งแต่ตรวจช่องปาก เราก็จะทำให้จนเสร็จถึงการรักษาทั้งหมด นักศึกษาจะได้วางแผนการรักษาที่ดีที่สุดให้คนไข้ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษาในการรักษาแบบเป็นลำดับตั้งแต่แรกจนจบ แต่ปี 6 ก็จะมีข้อแตกต่างจากน้องปี 5 คือ ปี 5 เขายังต้องมีการเรียนเล็คเชอร์อยู่ แต่ของก้อย ปี 6 ต้องเก็บกรณีการรักษาให้มากที่สุด ต้องได้รักษาคนไข้เยอะๆ ให้ครบจำนวนของหลักสูตร จึงจะสามารถจบได้ค่ะ
ก้อย : ที่นี่จะมีจุดเด่นคือ คณะเราเมื่อคนไข้เข้ามาคนหนึ่งคน เราจะเริ่มดูแลเขาตั้งแต่ตรวจช่องปาก เราก็จะทำให้จนเสร็จถึงการรักษาทั้งหมด นักศึกษาจะได้วางแผนการรักษาที่ดีที่สุดให้คนไข้ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษาในการรักษาแบบเป็นลำดับตั้งแต่แรกจนจบ แต่ปี 6 ก็จะมีข้อแตกต่างจากน้องปี 5 คือ ปี 5 เขายังต้องมีการเรียนเล็คเชอร์อยู่ แต่ของก้อย ปี 6 ต้องเก็บกรณีการรักษาให้มากที่สุด ต้องได้รักษาคนไข้เยอะๆ ให้ครบจำนวนของหลักสูตร จึงจะสามารถจบได้ค่ะ
ส่วนใหญ่เด็กๆ จะกลัวหมอฟันเราคิดว่าอย่างไร
เนส : ตอนเด็กๆ ผมก็กลัวครับ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเจอหมอฟันต้องเจ็บแน่นอน และผมก็เคยมีประสบการณ์ผ่าฟันครุฑ ซึ่งเจ็บมากและบวมมาก แต่ถ้าคนไข้กลัวเราต้องพยายามพูดปลอบใจเขาครับ
ก้อย : มันทำให้ก้อยนำความรู้สึกสมัยเด็กๆ มาปรับใช้กับคนไข้ พยายามพูดและอธิบายให้เขาฟังว่าไม่ต้องกลัว เพราะอะไร เรากำลังรักษาอะไรให้เขา และการรักษาแบบนี้เขาจะมีสุขภาพฟันที่ดีขึ้น พยายามพูดคุยกับเขาไม่ให้เขาคิดมาก
ก้อย : มันทำให้ก้อยนำความรู้สึกสมัยเด็กๆ มาปรับใช้กับคนไข้ พยายามพูดและอธิบายให้เขาฟังว่าไม่ต้องกลัว เพราะอะไร เรากำลังรักษาอะไรให้เขา และการรักษาแบบนี้เขาจะมีสุขภาพฟันที่ดีขึ้น พยายามพูดคุยกับเขาไม่ให้เขาคิดมาก
วิชาไหนที่ชอบที่สุด และวิชาไหนยากที่สุด
ก้อย : ที่นี่เรียนเป็นสองภาษาค่ะในปีแรกๆ ก็ต้องปรับพื้นฐานด้านภาษาก่อน และก็ชอบวิชาการทำแล็บ เพราะได้ฝึกฝีมือในการทำงาน ก้อยชอบทำงานแบบเร็วๆ พอมาทำกับคนจริงๆ มันจะรู้สึกยากเพราะช่องปากแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน
เนส : ผมเองก็ชอบทุกวิชาครับ แต่ละวิชาก็มีความยากง่ายต่างกัน แต่ทุกตัวก็เป็นความรู้ที่เราสามารถนำเอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
เนส : ผมเองก็ชอบทุกวิชาครับ แต่ละวิชาก็มีความยากง่ายต่างกัน แต่ทุกตัวก็เป็นความรู้ที่เราสามารถนำเอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
คนที่เรียนจบจากสาขานี้ส่วนใหญ่จะทำงานเลยหรือเปล่า
เนส : ถ้าสามารถสอบใบประกอบโรคศิลป์ได้ก็สามารถทำงานได้เลยครับ แต่ถ้าคิดว่าอยากได้ความรู้เพิ่มเติมในด้านเฉพาะทางอีกก็สามารถไปเรียนเพิ่มเติมก่อนได้ เช่น ด้านการรักษารากฟัน ทันตกรรมประดิษฐ์ ก่อนมาประกอบอาชีพจริงๆ
ก้อย : สำหรับก้อยที่นี่เราไม่ต้องใช้ทุน เราก็ต้องไปหางานทำกันสัก 1 ปี เพื่อลองดูว่าสุดท้ายแล้วเราชอบอะไรก็จะได้ไปเรียนเจาะเฉพาะทางด้านนั้นไปเลย แต่ถ้าไม่เรียนก็จะเป็นหมอฟันทั่วไปรักษาได้หมดแต่อาจไม่สามารถรับอาหารหนักๆ ได้ค่ะ
ก้อย : สำหรับก้อยที่นี่เราไม่ต้องใช้ทุน เราก็ต้องไปหางานทำกันสัก 1 ปี เพื่อลองดูว่าสุดท้ายแล้วเราชอบอะไรก็จะได้ไปเรียนเจาะเฉพาะทางด้านนั้นไปเลย แต่ถ้าไม่เรียนก็จะเป็นหมอฟันทั่วไปรักษาได้หมดแต่อาจไม่สามารถรับอาหารหนักๆ ได้ค่ะ
ส่วนใหญ่เห็นคนที่จบหมอฟันก็จะเปิดคลินิก เพราะเห็นคลินิกหมอฟันเปิดขึ้นมามากมาย
ก้อย : ก้อยคิดว่าคลินิกที่เปิดส่วนใหญ่น่าจะป็นคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว สำหรับเด็กที่พึ่งจบใหม่ๆ ก็คงต้องหาประสบการณ์ให้มากก่อน เพราะก้อยเองใกล้จบแล้ว งานบางอย่างที่เจอก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าเราจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ ยังต้องคอยปรึกษาอาจารย์อยู่ตลอด การเป็นหมอฟันต้องมีประสบการณ์เยอะๆ ค่ะ
เนส : ผมมองว่าบางคนที่ที่คิดว่ามีความสามารถมากพอเมื่อเรียนจบแล้วก็อาจจะอยากเปิดคลินิกเลย แต่ส่วนใหญ่ก็คงอยากหาประสบการณ์เพิ่มเติมให้มากก่อน
เนส : ผมมองว่าบางคนที่ที่คิดว่ามีความสามารถมากพอเมื่อเรียนจบแล้วก็อาจจะอยากเปิดคลินิกเลย แต่ส่วนใหญ่ก็คงอยากหาประสบการณ์เพิ่มเติมให้มากก่อน
คิดว่าคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิตมีจุดเด่นอย่างไร
เนส : ระบบการเรียนการสอนต่างจากที่อื่นบ้าง แต่จุดเด่นก็คงเป็นการเรียนแบบสองภาษา (Bi – Lingual) และที่สำคัญเราได้วางแผนการรักษาเองซึ่งเราจะได้นำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้อย่างเต็มที่
ก้อย : คณบดีที่นี่ท่านมีคติว่าเราไม่ได้รักษาฟันซี่เดียวให้คนไข้ เราต้องรับผิดชอบทั้งช่องปากของเขาต้องตรวจ และวิเคราะห์ว่าเป็นอะไรและก็รักษากันไปตามขั้นตอนจนครบค่ะ และความทันสมัยของที่นี่ในเรื่องของเครื่องมือ และนักศึกษาจะได้ดูแลเครื่องมือของตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในอาชีพ จุดนี้ก็เป็นความแตกต่างจากที่อื่น
ก้อย : คณบดีที่นี่ท่านมีคติว่าเราไม่ได้รักษาฟันซี่เดียวให้คนไข้ เราต้องรับผิดชอบทั้งช่องปากของเขาต้องตรวจ และวิเคราะห์ว่าเป็นอะไรและก็รักษากันไปตามขั้นตอนจนครบค่ะ และความทันสมัยของที่นี่ในเรื่องของเครื่องมือ และนักศึกษาจะได้ดูแลเครื่องมือของตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในอาชีพ จุดนี้ก็เป็นความแตกต่างจากที่อื่น
ตอนที่เจอคนไข้ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร
เนส : ตื่นเต้นมาก เครียด ทำอะไรไม่ถูกเลย และมีรุ่นพี่คอยให้คำปรึกษา แต่เราก็จะลองฝึกกับเพื่อนเราก่อน เช่น ลองฉีดยาชา
ก้อย : ตื่นเต้นมากค่ะ ของจริงกับหุ่นมันต่างกันมาก ต้องสัมผัสกับปากจริง กลัวว่าจะทำเขาเจ็บหรือเปล่า
ก้อย : ตื่นเต้นมากค่ะ ของจริงกับหุ่นมันต่างกันมาก ต้องสัมผัสกับปากจริง กลัวว่าจะทำเขาเจ็บหรือเปล่า
เคยเจอคนไข้อาการหนักๆ ไหม และแก้สถานการณ์อย่างไร
ก้อย : จริงๆ ก็มีหนักๆ หลายกรณีนะค่ะ แต่ที่มองว่าเยอะที่สุดก็น่าจะเป็นการกรอฟัน เพราะถ้าเรากรอลึกเกินไป ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทะลุเส้นประสาทฟัน ถ้าทะลุเราก็ต้องไปรักษารากฟัน แต่ก่อนที่จะลงมือทำก็จะแจ้งคนไข้ก่อนว่าการักษาแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น
เนส : การรักษาของที่นี่เราจะเน้นการสื่อสารกับคนไข้ และก็จะแจ้งกับคนไข้ทุกขั้นตอน เราประเมินไว้ก่อนเลยว่า ต้องมารักษากี่ครั้ง แต่ละครั้งต้องทำอะไรบ้าง และมีค่ารักษาเท่าไหร่ ก็จะทำให้คนไข้สบายใจ เพราะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
เนส : การรักษาของที่นี่เราจะเน้นการสื่อสารกับคนไข้ และก็จะแจ้งกับคนไข้ทุกขั้นตอน เราประเมินไว้ก่อนเลยว่า ต้องมารักษากี่ครั้ง แต่ละครั้งต้องทำอะไรบ้าง และมีค่ารักษาเท่าไหร่ ก็จะทำให้คนไข้สบายใจ เพราะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากมาเรียนคณะนี้ว่าการเป็นหมอฟันต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ก้อย : สำหรับก้อยแล้วคนที่มาเป็นหมอฟันต้องมีความคิดในเรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา รักษาเขาเหมือนเขาเป็นคนในครอบครัวเรา เมื่อเราเห็นคนไข้ว่าเขาอาการไม่หนักถึงต้องถอนก็ไม่ต้องถอนเพราะการมีฟันครบก็คือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
เนส อยากให้น้องๆ ที่จะเข้ามาเรียนเป็นคนที่คิดดีเห็นประโยชน์ของคนไข้มาก่อน และต้องตั้งใจเรียนพยายามฝึกฝน ถ้าเราตั้งใจเราก็สามารถเป็นหมอที่ดีได้ครับ
เนส อยากให้น้องๆ ที่จะเข้ามาเรียนเป็นคนที่คิดดีเห็นประโยชน์ของคนไข้มาก่อน และต้องตั้งใจเรียนพยายามฝึกฝน ถ้าเราตั้งใจเราก็สามารถเป็นหมอที่ดีได้ครับ
ขอขอบคุณ เนส ณัฐพล เรละมัน, ก้อย วิชาญา ทัศนาวิวัฒน์ นักศึกษาคณะ ทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย รังสิต และคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต สำหรับสถานที่ถ่ายทำ
ขอขอบคุณบทความดีดีจาก http://www.skoolbuz.com/skoolmag/content/193
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
loading...
นิยม
บทความ
-
►
2017
(43)
- ► กุมภาพันธ์ (7)
-
►
2016
(362)
- ► กุมภาพันธ์ (13)
-
►
2015
(77)
- ► กุมภาพันธ์ (6)
-
►
2014
(192)
- ► กุมภาพันธ์ (5)
-
►
2013
(57)
- ► กุมภาพันธ์ (5)
-
►
2012
(194)
- ► กุมภาพันธ์ (2)
-
►
2011
(272)
- ► กุมภาพันธ์ (43)
-
►
2010
(873)
- ► กุมภาพันธ์ (60)
loading...