วาไรตี้
ประชาสัมพันธ์

สูตรลับผิวพรรณสวยสดใสจากกากกาแฟ!!


 สาว ๆ คนไหนที่ชื่นชอบการสครับบำรุงผิวให้นวลเนียนสดใสอยู่เป็นประจำ เชื่อว่าจะต้องรู้จักกับกากกาแฟ กันอย่างแน่นอน แม้จะเป็นของที่เหลือทิ้งจากกระบวนการทำกาแฟสดแต่ก็มีคุณประโยชน์อย่างล้นเหลือ ทั้งนำมาสครับบำรุงผิวสวยหรือใส่กระถางต้นไม้เพื่อเป็นปุ๋ยบำรุงให้ต้นไม้แข็งแรงได้ด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากรู้ว่าสครับจากกากกาแฟนี้จะมีวิธีการและดีกับผิวอย่างไรบ้างนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เรื่องเกี่ยวกับกากกาแฟมาฝากกันค่ะ

          สูตรลับผิวพรรณสวยสดใสจากกากกาแฟ : สาว ๆ ควรเลือกใช้กากกาแฟที่แห้งสะอาดและยังมีกลิ่นหอมจากกาแฟเจือจางอยู่ ไม่ควรเลือกกากกาแฟที่เก็บไว้นานมากจนเกินไป เพราะตัวกาแฟอาจเกิดเชื้อราได้ แนะนำว่าควรใช้สูตรสครับจากกากกาแฟให้หมดภายในครั้งเดียวแบบไม่ต้องเก็บไว้ใช้ในวันอื่น

        กากกาแฟ 1 ถ้วย + นมสด½  ถ้วย + น้ำผึ้ง ¼ ถ้วย

          ผสมทั้งหมดให้เข้ากันทั้งกากกาแฟ นมสดและน้ำผึ้ง แล้วนำมาขัดนวดวนเบา ๆ ลงบนผิวที่เปียกน้ำสักเล็กน้อย (เพื่อป้องกันไม่ให้แสบเมื่อถูนวดกับผิว) แล้วทาทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาที สูตรนี้ช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มของผิวให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

        กากกาแฟ 1 ถ้วย + ขมิ้น 2 ช้อนโต๊ะ + โยเกิร์ต 1 ถ้วย

          เตรียมส่วนผสมทั้งหมดแล้วคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นวดลงบนผิวอย่างเบามือ ใช้ขัดผิวระหว่างอาบน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวที่รอยสิว รอยจุดด่างดำหรือผิวหม่นหมองดูขาวสดใสขึ้นได้

       กากกาแฟขัดผิวสวย เห็นผลจริงได้มากน้อยแค่ไหน..

          จะสังเกตได้ว่าเมื่อสาว ๆ ทำการขัด นวดผิวด้วยกากกาแฟแล้วนั้น ผิวบริเวณที่ขัดจะดูนุ่ม เนียนและกระจ่างใสขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟนั้นจะไปทำหน้าที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้เปล่งปลั่ง รวมไปถึงยังช่วยดูดซับสารพิษและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้ดูเกลี้ยงเกลาขึ้นได้


          ดังนั้น หากสาว ๆ คนไหนอยากมีผิวสวยดูดีและเนียนใส กากกาแฟก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ :)

ที่มา kapook.com

แนะนำ คณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์


รายละเอียดของคณะ 

คณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์มุ่งเน้นในการศึกษาทางด้านการจัดการศึกษาและการศึกษาวิชาชีพครู มีจุดมุ่งหมายในการดำเนินการและแสวงหาวิธีการพัฒนามนุษย์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างสรรค์สังคมที่สันติสุขอย่างแท้จริง

สาขาที่เปิดสอน 

สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย
สาขาวิชาประถมศึกษา
สาขาวิชามัธยมศึกษา (วิทยาศาสตร์)
สาขาวิชามัธยมศึกษา (มนุษยศาสตร์-สังคมศาสตร์)
สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน
สาขาวิชาธุรกิจศึกษา
สาขาวิชาศิลปศึกษา
สาขาวิชาดนตรีศึกษา
สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา
สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา
การแนะแนวและการศึกษาพิเศษ
สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ศึกษา
สาขาวิชาการสอนวิทยาศาสตร์
สาขาวิชาการสอนคณิตศาสตร์
สาขาวิชาธุรกิจและคอมพิวเตอร์ศึกษา
สาขาวิชาบริหารการศึกษา
สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่
สาขาวิชาการวัดผลและวิจัยการศึกษา
สาขาวิชาการอุดมศึกษา
สาขาวิชาอุตสาหกรรมศึกษา

คุณสมบัติผู้เข้าศึกษา 

จบมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์และสายศิลป์ เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร มีความประพฤติดี และมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับวิชาชีพ

แนวทางการประกอบอาชีพ 

แนวทางการเรียนต่อ บัณฑิตที่จบการศึกษาทางด้านครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์สามารถประกอบอาชีพทั้งในหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน เป็นครู อาจารย์ ในสถาบันการศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นบุคลกรทางการศึกษาทำงานทางด้านการแนะแนว งานโสตทัศนศึกษา งานการศึกษานอกระบบโรงเรียน ตลอดจนประกอบอาชีพตามความสนใจของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถศึกษาต่อทางด้านปริญญาโทและปริญญาเอกได้

สถาบันที่เปิดสอน 

และมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ

ที่มา
ที่มารูปภาพ http://www.oknation.net/blog/womenhaopengyou

18 ชายหาดแปลกที่สุดในโลก อย่าเพิ่งตายหากยังไม่ได้ไป!!

★ ★ สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ถ้าพูดถึงทะเลก็คงจะต้องมีชายหาดสวยๆ ใช่ไหมล่ะ แต่หาดสวย ทะเลใส ในโลกนี้มีเยอะ 
แต่ที่แปลกๆ ก็มีไม่น้อย อย่างเช่น 18 ชายหาดสุดแปลกเหล่านี้ ถ้าหากยังไม่ได้ไปเยือนสักที่ล่ะก็ อย่าเพิ่งตายนะ!! 
เอ๊ะ...แต่เราคงตายก่อน เพราะคงไม่ได้ไป ฮ่าๆๆๆ เรามาดู 18 ชายหาดที่ว่าแปลกที่สุดในโลกกันดีกว่าว่ามีที่ไหนบ้าง ... ★ ★


1.ชายหาดสุดระทึก Maho Beach - Saint Martin







ชายหาดมาโฮ หาดสุดเสียวบนเกาะเซ้นท์มาร์ติน ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ชายหาดอันโด่งดัง ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่มารอชมเครื่องบินลำโต บินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือศีรษะ ให้นักท่องเที่ยวระทึกเป็นระยะๆ เหตุเพราะชายหาดมีอาณาเขตติดกับสนามบิน 
St Maarten ดังนั้นระหว่างเริงร่าอยู่ริมหาดจะมีเครื่องบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือศีรษะคุณ ให้ระทึกเป็นระยะๆ นั่นเอง

หาด  Maho Beach ณ St. Maarten อยู่ท้ายสนามบิน Princess Juliana Int. Airport เป๊ะๆ โดยเป็นสนามบินที่มีสถิติการใช้งานขึ้นลงของเครื่องบินแต่ละวันมากเป็นอันดับที่ 2 ของแถบคาริบเบียนตะวันออก และชื่อของสนามบินนี้ ตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระมารดา Juliana ของพระราชินีองค์ปัจจุบันของเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่สมัยพระองค์ยังทรงเป็นเจ้าหญิงอยู่ หาดมาโฮนี้เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากหาดนึงในโลกสำหรับการมาคอยเฝ้าดูเครื่องบินขึ้นลงแบบมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ได้จริงของบรรดาเหล่าคนรักเครื่องบินเหมือนอีเด 



2 .ชายหาดเปลือกหอย Shell Beach – Shark Bay, Australia





ชายหาดเปลือกหอยอยู่ในอ่าวชาร์ก (Shark Bay) ประเทศออสเตรเลีย ชื่อ Shell Beach มาจากการที่มีเปลือกหอยเล็กๆ
ปกคลุมอยู่เต็มหาด ด้วยเพราะน้ำทะเลมีความเค็มสูง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศและพื้นที่เหมาะที่ประชากรหอยจะขึ้นมาอาศัยอยู่ 

ตื่นตาเปลือกหอยสีขาวนับล้านที่ “เชลล์ บีช” เวสเทิร์นออสเตรเลีย
หากคุณมีโอกาสมาเยือน รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (Western Australia) ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาด
ไปเยือน “เชลล์ บีช” (Shell Beach) อีกหนึ่งชาย หาดที่มีชื่อเสียงของ “ชาร์คเบย์” (Shark Bay) หรือที่เราเรียกกันว่า “อ่าวฉลาม” 
อ่าวที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดด้านตะวันตกของทวีปออสเตรเลีย นอกากนี้แล้วอ่าวฉลามยังเป็นถิ่นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้
สูญพันธุ์ 5 ชนิด อีกทั้งยังเป็นแปลงหญ้าทะเลที่กว้างใหญ่นับว่าใหญ่ที่สุดและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ซึ่งต่อมาองค์การยูเนสโก 
(Unesco) ได้ประกาศให้อ่าวแห่งนี้เป็นมรดกโลก ในปี 1991

ชายหาดเชลล์ บีช นั้นอยู่ห่างจากเมืองเดนแฮม (Denham) เมืองในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ไปทางตะวันออกเฉียงใต้
ประมาณ 45 กิโลเมตร ความโดดเด่นของเชลล์บีชคงหนีไม่พ้นหาด ทรายเปลือกหอยสีขาวดั่งหิมะขนานไปกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม
ของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณจะได้เดินทอดน่องไปบนชายหาดที่ถูกปูพรมด้วยเหล่า 
เปลือกหอยสีขาวขนาดเล็กๆที่มีชื่อว่าเราเรียกกันว่า กะส้าหอย (coquina) ที่ประกอบด้วยเปลือกหอยและเศษชิ้นเหลี่ยมของหอย 
เช่น หอยโคคีนา หอยสองฝาขนาดเล็กๆนับพันล้านที่พบ ได้มากในเขตเชลล์บีช ซึ่งหอยส่วนใหญ่มักตายตามธรรมชาติ
แล้วถูกน้ำทะเลพัดมาเกยชายฝั่งซึ่งใช้เวลานานหลายพันปี



3 .ชายหาดแก้ว Glass beach – California, America







ชายหาดแก้วแห่งนี้ เดิมที่เป็นที่ทิ้งขยะของรัฐแคลิฟอร์เนีย หลายสิบปีผ่านไป ขยะที่เป็นเศษแก้วถูกคลื่นซัดสาดหายไป 
จนกลายเป็นชายหาดแสนสวยอย่าวน่าอัศจรรย์ 

หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสมาเยือนรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา (United States of America) ทราเวลไทยซ่าส์ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดโอกาสไปเยือน "กลาส บีช" (Glass Beach) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า "หาดทรายแก้ว" ชายหาดที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแมคเคอริคเชอร์ (MacKerricher State Park) ใกล้ๆกับเมืองฟอร์ตบรากก์ (Fort Bragg) ในเมนโดซิโน เคาน์ตี้ ( Mendocino County)

กลาส บีช หรือ หาดทรายแก้ว เป็นอีกหนึ่งชายหาดที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่สิ่งที่พิเศษของชายหาดคือ หินหลากสีสันที่มีความสวยงามราวกับอัญมณี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ทั้งนั้นคะ เนื่องจากว่าในอดีตชายหาดแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่มนุษย์นำขยะจำพวกแก้ว เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่รถยนต์มาทิ้งยังบริเวณชายหาดเป็นจำนวนมาก และเมื่อเวลาผ่านไปหลายทศวรรษเศษขยะดังที่กล่าวมาได้ถูกคลื่นและน้ำทะเลซัดสาดและกัดเซาะจนเหลือเพียงหินแก้วกรวดมนสวยงามดังเช่นในปัจจุบันนี้ต่อมาในปี 1998 กลาส บีช ได้รับการดูแลโดยอุทยานแมคเคอริคเชอร์ ชายหาดอัญมณีแห่งนี้จึงได้รับการอนุรักษ์และห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเก็บเอาหินแก้วบริเวณชายหาดกลับไปอย่างเด็ดขาด... 



4 .ชายหาดสีชมพู Pink Sand Beach – Bahamas





หาดทรายสีชมพูนี้อยู่ในประเทศบาฮามาส สีชมพูนวลดั่งผลท้อนี้แท้จริงคือเปลือกหอยสีชมพูที่แตกละเอียด 
เมื่อต้องแสงแดดตอนเที่ยงก็ระยิบระยับ ยามพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้าก็ยิ่งขับสีชมพูบนผืนหาดให้ชัดเจน 

"หาดทรายสีชมพู" บนเกาะฮาร์เบอร์ (Pink sand beach at Harbour Island) หาดสวยบนเกาะเล็กๆ ในประเทศบาฮามาส (Bahamas) 
เหมาะแก่การสร้างบรรยากาศโรแมนติกให้คู่รักจริงๆ เกาะที่มีความยาวเพียง 5.6 กิโลเมตร และกว้างเพียง 2.4 กิโลเมตร 
สาเหตุที่ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะมี ชายหาดทรายเป็นสีชมพูทอดตัวเป็นแนวยาวตามชายฝั่ง
ด้านตะวันออกของเกาะนั่นเอง เกาะฮาร์เบอร์นับเป็นเกาะที่มีชายหาดสวยและดีที่สุดที่สุดในทะเลแคริบเบียนอีกด้วย

หลายคนคงสงสับว่า เหตุใดหาดทรายบนเกาะแห่งนี้ถึงได้เป็นสีชมพู? สาเหตุที่ทำให้ชายหาดมีสีชมพูเป็นเพราะ มีสัตว์น้ำเซลล์เดียว
ที่ไม่มีกระดูกสันหลังประเภทแพลงตอน ฟอร์แรมมินิเฟอรา (foraminifera)อยู่บริเวณรอบเกาะจำนวนมาก ในเปลือกของแพลงตอน
มีแคลเซียมคาร์บอเนต จึงทำให้เป็นสีชมพูแดง เมื่องแพลงตอนตาย เปลือกของแพลงตอนจะถูกคลื่นพัดขึ้นฝั่ง ปะปนกับทรายขาว
จึงทำให้ดูเป็นสีชมพู  เกาะฮาร์เบอร์ กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ช่วงพักร้อนของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน 
นอกจากเกาะในประเทศบาฮามัส  ยังมี เปอร์โตริโก เบอร์มิวดา บาร์บาดอส ฟิลิปปินส์ และสก็อตแลนด์ ที่มีมีหาดสีชมพูสาเหตุ
เช่นเดียวกันกับเกาะฮาเบอร์



5 .หาดทรายสีดำ Punaluu Black Sand Beach – Hawai





หาดทรายสีดำ Punaluu Beach ตั้งอยู่บน Big Island ของฮาวาย ชายหาดที่ล้อมรอบด้วยทรายสีดำที่เกิดจากลาวาที่ไหลทะลักลงสู่ทะเลและเย็นตัวลงจากภูเขาไฟในมหาสมุทร ที่หาดนี้คุณสามารถพบเต่า Hawksbill หรือ Green sea turtles แม้ว่าทรายสีดำที่หาดนี้จะสวยงาม แต่การนำทรายออกมาก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย



6.ชายหาดหาดทรายสีเขียว (Green sand beach) – Hawai




หาดทรายสีเขียวบนเกาะฮาวาย สีเขียวที่เห็นนั้นเป็นผลึกของหินโอลีวีน (Olivine) หรือแร่ของหินเพริโดไทต์ที่ผสมอยู่ในผืนทราย 
หาดปาปาโกเลีย หาดทรายสีเขียว เป็นหาดที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกา ตัวหาดเป็นลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยว 
แล้วก็ไม่ได้เดินทางไปง่ายๆ ด้วย ต้องเดินเท้าหรือไม่ก็รถโฟร์วีลเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเลาะไปตามหน้าผา ที่สำคัญอากาศร้อน 
ระยะทางกว่าจะเดินทางไปถึงราว 4 กิโลเมตร

สาเหตุที่หาดทรายที่นี่เป็นสีเขียว สืบเนื่องมาจากเมื่อราว 49,000 ปีก่อนภูเขาไฟ ปูมาฮาน่า ได้ระเบิดขึ้นและถือเป็นการระเบิดครั้งสุดท้าย
ของภูเขาไฟลูกนี้ สีเขียวเหล่านี้เป็นผลพวงจากเถ้าลาวาที่ ปูมาฮาน่า พ่นออกมาจากใต้พิภพ มันคือแร่โอลิวีน (Olivine) 
หรือแร่ของหินเพริโดไทต์ที่ผสมอยู่ในผืนทราย แร่นี้มีชื่อขนานนามกันอีกหนึ่งชื่อว่า "เพชรแห่งฮาวาย"

แต่ก็ไม่ใช่ว่าลาวาไหลลงมาแล้วจะมีเจ้าเกล็ดผลึกแร่โอลิวีน โปรยปรายดั่งสายฝนจากฟ้าสู่ดินมาเลยนะ ลาวาเมื่อไหลลงมาก็ต้องรอ
ให้เย็นตัวลง เมื่อเย็นแล้วก็ต้องรอเวลาผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านคลื่นซัดซาดครืนๆ เป็นระยะเวลาอีกสักพัก ไปๆ มาๆ 
คลื่นก็พัดแร่โอลิวีนมาสะสมมากขึ้นๆ ที่หาดแห่งนี้



7 .ชายหาดขาวที่สุดในโลก Hyams Beach – Australia




ชายหาดทางตะวันออกของออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการบันทึกลงใน Guinness Book ว่าเป็นชายหาดที่ขาวที่สุดในโลก ด้วยเม็ดทรายละเอียดเนียนดั่งผงแป้ง เดินเล่นสุดนุ่มเท้า จึงทำให้ชายหาดแห่งนี้มีชื่อเสียงและน่าไปเยือนสำหรับนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางตะวันออกของออสเตรเลีย



8.ชายหาดซากโบราณ Tulum Beach – Mexico




ชายหาดตูลุมบนคาบสมุทรยูคาตาน (Yucatan Peninsula) ประเทศแม็กซิโก กวักมือเรียกนักท่องเที่ยวได้ด้วย ซากปรักหักพังของชาวมายาโบราณที่ทำให้หาดแห่งนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ชายหาดตูลุม เป็นชายหาดที่ทอดตัวยาวขนานไปกับซากปราสาทอารยธรรมอันเก่าแก่ของชาวมายัน ตั้งอยู่ที่เมืองตูลุม (Tulum) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ มีชื่อเสียงในรัฐกินตานาโร (Quintana Roo) รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรยูคาทาน (Yucatan Peninsula) โดยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13-15 เมืองตูลุมนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก และในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมืองก็ถูกทิ้งร้างไปจนกระทั่งกลายเป็นซากเมืองโบราณมาจนถึงปัจจุบันนี้



9.ชายหาดที่ยาวที่สุดในโลก Coxbazar beach – Bangladesh




ชายหาดที่ได้รับการขนานนามว่ายาวที่สุดในโลกด้วยความยาว 120 กิโลเมตร ส่วนลำดับที่ 2 คือ หาดคุจูคุริฮามะ 
ของประเทศญี่ปุ่นที่มีความยาว 60 กิโลเมตร 

10 .ชายหาดแพนกวินว่ายน้ำ Boulders beach - South Africa




ชายหาดแห่งนี้เป็นบ้านของแพนกวินแอฟริกา เราจะได้เห็นแพนกวินเดินสวนเล่นอยู่หาด 
บ้างก็ลงไปว่ายเริงร่าโต้คลื่น ดูเพลิดเพลินทีเดียว 



11 .ชายหาดแมวน้ำ Childrens pool beach – America




หาดทรายขาวธรรมชาติในซานติอาโก้ ที่เจ้าแมวน้ำอ๋งอ๋งจองเต็มพื้นที่แล้ว คนไม่มีสิทธิ์เข้ามานะจ๊ะ 



12.ชายหาดรถวิ่งได้ Chirihama-Nagisa drive way – Japan




ปกติชายหาดมีไว้สำหรับให้คนได้ทำกิจกรรมความเพลิดเพลินต่างๆในยามมาเที่ยวทะเล โดยไม่มีรถหรือยานพาหนะใดๆเข้ามาได้ 
แต่สำหรับที่จิริฮามะ เราสามารถขับรถยนต์, ขี่มอเตอร์ไซด์ เข้าไปชมวิวสวยๆได้ บางทีอาจมีรถบัสคันใหญ่ผ่านเข้ามาด้วย 



13 .ชายหาดออนเซ็น Hot water beach – Newzealand




ชายหาดบนเกาะทางเหนือของนิวซีแลนด์ ยิ่งในช่วงเวลาน้ำลง ผู้คนจะมารวมตัวกันมากมาย 
และขุดหลุมหาดทรายให้เป็นสปาส่วนตัว 



14 .หาดโขดหิน Moeraki Boulders Beach – Newzealand




ชายหาดที่เต็มไปด้วยโขดหินกลมๆ ที่บางก้อนใหญ่และหนักถึง 3 ตันเลยทีเดียว Moeraki Boulders 
ก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ครึ่งเมตรถึงสองเมตรเศษนี้ รูปร่างหน้าตาคล้ายกับไข่ไดโนเสาร์ 
พบกระจัดกระจายตามชายหาด Koekohe ประเทศนิวซีแลนด์ ก้อนหินเหล่านี้ได้รับการสงวนป้องกันและ
คุ้มครองทางวิทยาศาสตร์ รูปทรงไข่ไดโนเสาร์นี้เกิดจากคลื่นที่กัดเซาะผาหินชายฝั่ง ถล่มลงบนชายหาด 
และถูกคลื่นกัดเซาะเป็นเวลานาน จากการเอกเรย์และมองผ่านกล้องจุลทรรศ์อิเล็กตรอนพบว่าหินเหล่านี้
มีองค์ประกอบด้วย โคลน ตะกอนดินละเอียด และดินเหนียว ยึดเกาะกันด้วย แคลไซต์ 

จากตำนานท้องถิ่นของชนเผ่าเมาลี (Māori) อธิบายถึงก้อนหิน เป็นซากของตะกร้าใส่ปลาไหลที่ถูกซัดขึ้นชายฝั่งหลัง
จากการล่มของเรือใบแคนนูขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "อาไร-ที-อุรุ "ตำนานบอกว่าสันดอนหินที่ขยายออกสู่ทะเลเป็นซากของเรือ
โบราณนี้ และหินแหลมที่ใกล้เคียงกับเรือว่าเป็นร่างของกัปตันเรือใบแคนู ชายหาดและโขดหินในอดีตมีจำนวนมากกว่าปัจจุบัน 
จากภาพหลักฐานที่เก็บไว้ในห้องสมุดอเล็กซานเดอร์ เทรินบูล เมื่อปี1850 เป็นบทความที่เป็นที่นิยมมากช่วงเวลานั้น 
ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนิวซีแลนด์



15 .ชายหาดและทะเลที่เล็กที่สุดในโลก Playa de Gulpiyuri beach – Spain




วิวที่เห็นอยู่นี้อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีระยะทางห่างจากชายฝั่ง 100 เมตร นี่ไม่ใช่ทะเลสาบ 
หากแต่เป็นน้ำเค็ม เป็นทะเลจริงๆ ถ้ำแคบๆที่เชื่อมต่อจากทะเลสามารถดูดน้ำทะเลเข้าไปได้



16.ชายหาดที่เต็มไปด้วยเสาหิน  Giants Causeway Beach, Ireland




Giants Causeway Beach นี้เป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยเสาหินกว่า 40,000 แท่ง และยังได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก
โดยยูเนสโกในปี 1986 บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์เหนืออีกด้วย ใครที่อยากไปเที่ยวที่นี่
ต้องระวังหินทิ่มขากันสักหน่อย 



17. ชายหาดในถ้ำ Cave Beach in Algarve, Portugal




นี่คือความสวยงามของถ้ำทะเลในโปรตุเกส เป็นอีกชายหาดหนึ่งที่ไว้มาชิลล์ๆ เบาๆ ชมความสวยงามของทะเลโปตุเกส



18.ชายหาดธารน้ำแข็งเย็นสุดขั้ว Jokulsarlon, Iceland




โจกุลซาลอน เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์อยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ 
(Skeftalfell National Park) และเมืองฮอฟน์ (Höfn) นักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นี่จะเห็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ 
ที่ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล


ที่มา http://pantip.com/topic/32554760
ขอบคุณ :: http://travel.truelife.com
                  http://travel.thaiza.com
                  www.boredpanda.com

#รับตรง58 ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด มุ่งมั่นสร้างบัณฑิตคุณภาพสู่ตลาดงานระดับสากล



มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดจัดพีธิมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด นำโดยอธิการบดีและคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย รศ. ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล (ที่ 4 จากขวา) ศาสตราจารย์ เซอร์ ดรัมมอนด์ โบน นายกสภามหาวิทยาลัย (ที่ 4 จากซ้าย) มร.กิลลส์ มาเฮ (ที่ 3 จากซ้าย) มร. ทิมโมธี ฟรานซีส แดเนียล (ที่ 3 จากขวา)  ดร. อภิเทพ แซ่โค้ว (ที่ 2 จากซ้าย) ศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ (ที่ 2 จากขวา) รองศาสตราจารย์ ดร. รักศานต์ วิวัฒน์สินอุดม (ที่ 1 จากซ้าย) มร. จิโร่ ทาคาฮาชิ (ที่ 1 จากขวา)  ร่วมเป็นเกียรติในงานครั้งนี้

กรุงเทพฯ 18 ธันวาคม 2557 - มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด สถาบันการเรียนรู้ชื่อดังของเมืองไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับมานานกว่าสองทศวรรษ จัดพิธีมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2557 ณ ศูนย์การประชุมไบเทคบางนา โดยมีจำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในปีนี้มากกว่า 600 คน จาก 23 ประเทศทั่วโลก และมีบัณฑิตได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจำนวน 16 คน บัณฑิตของแสตมฟอร์ดถือเป็นบุคลากรที่มีองค์ความรู้และทักษะพร้อมสำหรับการทำงานในสายอาชีพอย่างสมบูรณ์ อันเป็นผลจากระบบการสอนรูปแบบใหม่ที่ผสานการเรียนแบบหลายช่องทางและการใช้นวัตกรรมทางการศึกษา โดยเฉพาะการสอนโดยคณาจารย์และผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นชาวต่างชาติกว่า 70% เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ที่เป็นเลิศ พร้อมการฝึกฝนทักษะการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษภายใต้วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบสากลอย่างแท้จริง   

พิธีมอบปริญญาบัตรในปีนี้มีบัณฑิต คณาจารย์ บุคลากร ตลอดจนผู้ปกครองและญาติมิตรของผู้ที่สำเร็จการศึกษาเข้าร่วมงานมากกว่า 1,700 คน โดยมีการตกแต่งสถานที่แบบทันสมัย ทั้งแสง สี และเสียง ในธีม New Evolution ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรและระบบการเรียนการสอนของ ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด ตลอดปีการศึกษาที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลักสูตรเครือข่ายลอรีเอทรูปแบบใหม่ของแสตมฟอร์ดซึ่งสามารถดึงดูดนักศึกษาทั่วโลก ซึ่งมีความโดดเด่นอย่างมากในด้านระบบการเรียนแบบอินเตอร์แอคทีฟ เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ผสานการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อมอบความรู้ความเข้าใจและทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ซึ่งทำให้บัณฑิตของแสตมฟอร์ดเป็นที่ต้องการของตลาดงานระดับสากลและสามารถก้าวสู่อนาคตการทำงานที่สดใส สมดังวลีที่ว่า “Your Future Starts Now!” ซึ่งมอบให้แก่บัณฑิตทุกคนที่สำเร็จการศึกษาในปีนี้

พิธีมอบปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดในวันนี้ ถือเป็นการวางรากฐานสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งชีวิตการทำงานของผู้ที่สำเร็จการศึกษา โดยแสตมฟอร์ดยังคงมุ่งมั่นสู่การเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของเมืองไทยที่ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดงานในระดับอาเซียน ปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า บัณฑิตจากสแตมฟอร์ดมีศักยภาพสูงในตลาดงาน โดยสามารถเริ่มต้นทำงานได้ทันทีและมีฐานเงินเดือนสูงกว่า ทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากองค์กรธุรกิจชั้นนำในระดับสากล

หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ โทรศัพท์ 02 769 4000 โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.stamford.edu หรือhttps://www.facebook.com/stamfordthailand








โดย Veerawan Saejao

loading...

Facebook

นิยม

บทความ

loading...