ประชาสัมพันธ์

เรื่องเหล่านี้รู้หรือไม่ใน ม.บูรพา

 เรื่องเล่านักศึกษาฉบับนี้ เป็นหนึ่งฝีมือการเขียนของทีมงานจากหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติ “ลานมะพร้าว” ผล งานของนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยบูรพา และประวัติศาสตร์ที่ใครหลายคนยังไม่เคยทราบมาก่อน ฝีมือการเขียนของ(ว่าที่) นักเขียนมือสมัครเล่นจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
      
       “...มหาวิทยาลัย บูรพาแจ่มจ้าเจิดขวัญ ถิ่นซึ่งสร้างสรรค์วิชาการเด่นนำล้ำหน้า ตระการสีธงคือเทาทอง โบกปลิวเมื่อมองยิ่งงามตา ประกาศศักดาว่าเราเกริกไกร....” เสียงเพลง มาร์ชมหาวิทยาลัยบูรพา ที่บรรเลงช่วงพักกลางวันของทุกวัน ล้วนติดหู ติดใจเหล่าบรรดานิสิต และบุคลากรในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี
       ช่วงชีวิตของการเป็นนิสิตในมหาวิทยาลัย นับว่าเป็นช่วงหนึ่งที่สร้างสีสันให้เราได้จดจำไม่น้อย ย่างก้าวแรกที่เดินออกจากอ้อมอกครอบครัวมาเป็นนิสิต พักอาศัยในรั้วและรอบรั้วมหาวิทยาลัย คงจะทำให้หลายคนอยากจะใช้ชีวิตตามอิสระที่ตัวเองจะอยากทำ
      
       รอบ รั้วมหาวิทยาลัยการเรียนรู้และประสบการณ์มากมายที่เราได้พบเจอ แม้กระทั่งเรื่องเล่าจากเหล่าบรรดาพี่ๆ สิ่งที่รู้กันอยู่แล้วหรืออาจจะไม่เคยรู้เลย
      
       วันนี้ เรามีโอกาสไปพบข้อมูลหนึ่ง โดยเหล่าบรรดาลูกศิษย์มหาวิทยาลัยได้เขียนไว้ ซึ่งมีความน่าสนใจมาก เลยอยากจะหยิบยกมาเสนอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ชาวม.บูรพา ร่วมพิสูจน์กัน และเพื่อให้คนที่ยังไม่รู้จักม.บูรพาได้ร่วมสัมผัสตามกันไปด้วย ว่าข้อมูลต่อไปนี้เราเคยรู้กันหรือไม่ และเป็นเรื่องจริงเพียงใดเราไปร่วมพิสูจน์กันเลย
       มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นมหาวิทยาลัยที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรู้ ทั้งในบรรดามหาวิทยาลัยต่างจังหวัดทั้งหมด ม.บูรพาเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดปีนี้เข้าสู่ปีที่ 54 แล้ว และยังมีสำนักหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกและติด Top10 ของประเทศ โดยมีหนังสือภาษาไทย 254,156 เล่ม ภาษาต่างประเทศ 73,621 เล่ม และก็มีโรงหนังอยู่ชั้น 6 อีกด้วย
      
       วันที่ 8 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย หรือที่เราเรียกกันว่า “8 กรกฎ” ถือว่าเป็นวันสถาปนาสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งนิสิตชั้นปีที่ 1 ทุกคนจะต้องวิ่งขึ้นเขาสามมุขมาสุดทางที่ประตูหน้ามหาวิทยาลัย และแทบทุกปีนิสิตคณะวิทยาศาสตร์กีฬาหรือเด็กวิทย์กีฬาที่เรารู้จักจะเป็น 100 คนแรกที่เข้าเส้นชัยปะปนกันไป ส่วนคณะอื่นนั้นมองแทบไม่เห็นฝุ่น เวลาล่วงเลยไปครึ่งวันยังวิ่งกันไม่ถึงเส้นชัยก็เคยมีมาแล้ว
       เมื่อวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วนั้นจะมีคำกล่าวต้อนรับนิสิตใหม่ทุกคน อย่างอบอุ่นของทุกปี และทุกคนจะวิ่งไปเหยียบที่ตัว A ที่เส้นชัยเพราะเป็นความเชื่อว่าหากเหยียบมาก การเรียนตลอด 4 ปี จะได้เกรดเอ นอกจากนี้ยังมีการเหยียบคำว่า "เส้นชัย" ให้ครบทุกสระและตัวอักษร เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตนิสิตในมหาวิทยาลัย
      
       หลายคนอาจจะเคยเถียงกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ม.บูรพาใช้คำว่านิสิต ไม่ใช่นักศึกษา จริงไหม?
      
       “ไปสดใส...” ใน ที่นี้หมายถึง ซอยสดใสข้างมหาวิทยาลัยบูรพา เหตุที่ชื่อสดใส เพราะก่อนนี้เคยมีมินิมาร์ท ชื่อว่า ‘สดใส’ เปิดบริการ แต่ปิดไปนานแล้ว เด็กม.บูรพาก็เลยเรียกติดปากมาจนถึงทุกวันนี้ การมาซอยสดใส ก็จะมาไปทานข้าว เล่นอินเทอร์เนต พิมพ์งาน ร้องคาราโอเกะ หรือเติมน้ำมันรถมอ’ไซค์ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นซอยสดใสกลับใช้เป็นที่สิงสถิตย์สำหรับชายหนุ่มไว้เหล่สาว มุขตลกที่ว่า “ท้าตบ/ต่อยกันหลังเซเว่นปิด” คงเอามาใช้ที่ ม.บูรพาไม่ได้ เพราะเซเว่นใน ม.บูรพา จะปิด 4 ทุ่ม(ปัจจุบันยังไม่ทัน 3 ทุ่มก็ปิดแล้ว รีบจัง...)
       "ก้มหน้าลงไป" เสียงพี่ว๊ากที่มักจะได้ ยินอยู่เสมอในช่วงการรับน้อง และเป็นคำใช้กันทุกคณะ ไม่รู้ว่าจะให้เหล่าบรรดาน้องๆ ก้มหาอะไร แต่คณะโลจิสติกส์ (พานิชย์นาวี) นี่เขาโหดจริง หกโมงเช้ายังมีการเรียกมาซ้อมเลย
      
       "ตึกสิรินธร (SD)" เป็น ตึกที่มีลิฟท์อัตราความรู้สึกค่อนข้างต่ำ จะรับรู้ว่าบรรทุกน้ำหนักเกินก็ต่อเมื่อเกือบถึงหรือถึงจุดหมายแล้ว นอกจากนั้นนิสิตที่กำลังจะเข้าใช้ลิฟท์ส่วนใหญ่มักมีความกังวลเรื่องความ ปลอดภัยหลังจากอยู่ภายใน ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากประสิทธิภาพที่(ไร้ความ)มั่นคงของลิฟท์นั่นเอง ทั้งตึก SD ที่เป็นตึกประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ทว่าคอมพิวเตอร์ของห้องภาคมีเครื่องที่ "ใช้งานได้จริง" เพียง ประมาณ 60% เท่านั้น และความเร็วอินเตอร์เน็ตก็สุดยอดมาก เปิดเว็ปใดขึ้นมา คุณสามารถสแกนบัตรออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาดูหน้าที่ คุณเปิดก็ยังได้ เพราะไม่แน่ว่ามันอาจจะยัง "โหลดไม่เสร็จ" แต่ในอนาคตข้างหน้าคาดว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
      
       "หอพักหญิง" 14 และ 15 จะมีการทำบุญหอและเปิดให้ผู้ชายไปช่วยทำบุญทุกปี ไม่งั้นจะ...มีเรื่อง เมื่อปี 2547 ชั้น 4-5 โดนกันมาแล้ว
       หากพูดถึงเรื่องหลีดโจ๊กหรือที่เรียกว่า "โมเดล" ต้อง ยกให้ คณะมนุษย์ฯ และ คณะศิลปกรรมฯ แข่งกันมาตลอดถ้าปีไหนคณะมนุษย์ฯไม่ลงแข่ง คณะศิลปกรรมฯ ก็จะไม่ลงแข่ง(spirit) เช่นกัน ซึ่งโมเดลคณะศิลปกรรมฯของม.บูรพาเป็นที่เฝ้ารอของทุกคน ด้านหลีดคณะสวยๆ ก็ต้องยกให้คณะมนุษย์ฯ ส่วนแสตนเชียร์ต้องยกให้คณะพยาบาลฯ
      
       แล้วรู้อีกหรือไม่ว่า "ละครเวที"ของภาควิชานิเทศฯ เจ๋งที่สุดในม.บูรพาและอาจถูกที่สุดสำหรับภาคนิเทศฯในประเทศไทย สนนราคาไม่ถึง100บาท
       รถวิ่งรับส่งนิสิตในมหาวิทยาลัยบูรพาที่เราเรียกกันว่า "รถ 2 บาท" หรือ "ไฉไล" ปัจจุบัน ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว ซึ่งเดิมใช้รถไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ทนค่าใช้จ่ายไม่ไหว เลยต้องคืนไปแล้วเอารถดีเซลมาใช้แทน รถสองบาทมีทั้งหมดสามชุด ชุดละสองคัน ชุดแรกตัวถังใหม่แต่เครื่องเก่า พอเสียบ่อยเข้า ชุดสองชุดสามเลยได้ของใหม่ล้วนๆ
      
       ด้าน"คณะที่มหัศจรรย์ที่สุด" คือ คณะพยาบาลศาสตร์ บอร์ดไม้ประกอบเหล็กของกองอาคารฯที่ต้องใช้ผู้ชายวิศวะแบกถึงสามคน แต่คณะพยาบาลฯสามารถใช้ผู้หญิงสองคนแบกได้
       คณะศิลปกรรมศาสตร์ มีชื่อเรียกกันส่วนใหญ่ของชาวคณะว่า "ซิกัม" เด็กซิกัมมีหลอดสีเป็นของตนเอง (รูปปั้นหลอดสีหน้าคณะ)ใช้ยังไงก็ไม่เคยหมด แต่คนอื่นกลับชอบมองว่ามันเป็นหลอดยาสีฟัน!!
      
       คณะ ศึกษาศาสตร์มีการรับน้องอย่างสร้างสรรค์เสมอ มักจะพานิสิตชั้นปี 1 ไปปฎิบัติธรรม ให้แต่งกายถูกระเบียบ เป็นเกียรติแก่ศึกษาศาสตร์ ทั้งยังมีการรณรงค์แต่งกายถูกระเบียบก่อนขึ้นตึก QS1 ไปดูกันได้
      
       คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในทุกๆปีการรับน้องของคณะมนุษย์ฯ ต้องเข้าห้องกระจกเกือบทุกวัน และจะต้องมีการตัดสายเทค วิธีการนี้ฮิตมากใช้กันทุกเอก
      
       คณะสาธารณสุขศาสตร์ กรุณาเรียกสั้นๆว่า ‘สาสุข’ อย่า เรียกว่า ‘สาธา’ เพราะนิสิตคณะนี้เขาไม่ปลื้มเป็นที่สุด ว่ากันว่าคณะสาสุขนี้มีระเบียบเป็นที่ 1 ดูได้จากการแต่งกาย เรียบร้อยมาก ผู้ชายต้องผูกไทด์ ผู้หญิงต้องคลุมเข่า
      
       เรื่อง ที่กล่าวมาทั้งหมดคงจะทำให้ผู้อ่านฉุกคิด และสร้างรอยยิ้มได้ไม่น้อย ยังมีหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้เอ่ยถึง มันยังคงรอการพิสูจน์จากทุกคน และนำกลับมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อรำลึกถึงม.บูรพาแห่งนี้ร่วมกัน ด้วยสายเลือดแท้แห่งเทา-ทอง

Credit  Manager

Blogger Comment
Facebook Comment

:ambivalent:
:angry:
:confused:
:content:
:cool:
:crazy:
:cry:
:embarrassed:
:footinmouth:
:frown:
:gasp:
:grin:
:heart:
:hearteyes:
:innocent:
:kiss:
:laughing:
:minifrown:
:minismile:
:moneymouth:
:naughty:
:nerd:
:notamused:
:sarcastic:
:sealed:
:sick:
:slant:
:smile:
:thumbsdown:
:thumbsup:
:wink:
:yuck:
:yum:

loading...

Facebook

นิยม

บทความ

loading...