“แก้วเจ้าจอม” หนีคู่แข่ง ชิงเปิดหลักสูตรใหม่กว่า 78 สาขาขยายเป้าหมายอีก 4 พันคน ชูจุดขาย "กายภาพบำบัด-สปาและความงาม-วิศวคอม" เพื่มทางเลือกให้ผู้เรียน ฟุ้งเป็นราชภัฏที่แรกที่เปิด อธิการบดีย้ำนักศึกษาใหม่ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาและไอทีใหม่
เมื่อวันที่30พฤศจิกายน รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทากล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นยุคแห่งการแข่งขันของสถาบันอุดมศึกษา ดังนั้นมรภ.สวนสุนันทาจึงต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นเหตุให้มีการเพิ่มศักยภาพด้านการเรียนการสอนให้แตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยได้เตรียมการให้บัณฑิตที่จบการศึกษา รวมทั้งผู้บริหาร อาจารย์ และนักศึกษา ทำวิจัยอบรมเปิดหลักสูตรทุกคน โดยจะเน้นด้านภาษาและไอที ทั้งนี้ในปีการศึกษา 2553 มรภ.สวนสุนันทา ได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาตรีเพิ่มเติมจากเดิม 86 สาขา ได้เพิ่มขึ้นอีก 78 สาขา เพื่อรองรับนักศึกษาใหม่อีก 4,000 คน
สำหรับหลักสูตรใหม่ที่เปิดเพิ่มเติม อาทิ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต,หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต,หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต,หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต,หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต, หลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต และหลักสูตรนานาชาติ International Business,Hospitality and Tourism Managerment Airline Business, Tourism Industry, Restaurant and Lodging Business
"นับว่าเป็นจุดเด่นและเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฎแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถเปิดสาขาใหม่ๆ ได้ อาทิ หลักสูตรกายภาพบำบัด วิทยาศาสตร์สุขภาพสปาและความงาม ด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และศิลปะการแสดง ประกอบด้วยสาขาวิชาภาพเคลื่อนไหวและสื่อผสม สาขาวิชาการแพร่ภาพและเสียงผ่านสื่อใหม่ นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยจุดเด่นคือการเพิ่มทักษะด้านภาษาและไอทีเข้าไปด้วย ไม่เพียงเท่านี้ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตเราเพิ่มสาขาวิชาธุรกิจการบิน(Airline Business) ด้วย" อธิการบดีมรภ.สวนสุนันทา กล่าว
รศ.ดร.ช่วงโชติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังเตรียมคลอดหลักสูตรในระดับปริญญาโท-เอก เพิ่มเติมกว่า 9 หลักสูตร เพื่อขยายจำนวนนักศึกษาด้วย โดยในระดับปริญญาโท ประกอบด้วย หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต,วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต,รัฐศาสตรมหาบัณฑิต,รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง,บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สำหรับในระดับปริญญาเอกเตรียมหลักสูตรครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต,ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต และบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต
"สำหรับนักศึกษาซึ่งจะเข้ามาเรียนใหม่ในปีการศึกษา 2553 ทุกคนจะต้องมีได้รับการปรับพื้นฐานทางด้านภาษาและด้านไอที เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอย่างน้อยเมื่อนักศึกษาจบแล้วสามารถพูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ อย่างน้อย 2ภาษา และเพื่อเตรียมการสำหรับหลักสูตรต่างๆ มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับ สมาคมอาเซียนแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการระบบราชการ(กพร.) เพื่อเพิ่มศักยภาพตั้งแต่ระดับผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษา" รศ.ดร.ช่วงโชติ กล่าว
Credit Manager
